อาหารญี่ปุ่นเป็นเมนูยอดฮิตของคนไทย ร้านอาหารญี่ปุ่นหลายร้านจึงข้ามน้ำข้ามทะเลมาเปิดกิจการจำนวนมาก หากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น เราก็อยากแนะนำ 20 เมนูอาหารญี่ปุ่นยอดฮิตและสามารถหาทานได้ง่ายในถิ่นต้นตำรับ อีกทั้งยังมีรสชาติถูกปากคนไทย รวมถึงแหล่งของอร่อยในเมนูนั้น ๆ ด้วยค่ะ ไปชมกันเลยว่ามีอะไรบ้าง!
20 เมนูอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่ต้องลองเมื่อได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น
ซูชิ (Sushi)

เมนูนี้ของญี่ปุ่นคงไม่มีใครไม่รู้จัก ซูชิเป็นข้าวปั้นชิ้นพอดีคำ มีทั้งแบบห่อและไม่ห่อสาหร่าย ตกแต่งหน้าด้วยเนื้อปลาหรืออาหารทะเลต่าง ๆ เช่น แซลมอน มากุโร่ กุ้ง เมนูยอดฮิตของซูชิ คือ นิงิริซูชิ (Nigiri Sushi) ซึ่งปั้นโดยใช้ข้าวญี่ปุ่นที่ผสมกับน้ำส้มสายชูแล้วป้ายวาซาบิเล็กน้อย โปะด้วยเนื้อปลาต่าง ๆ ประวัติความเป็นมาแต่เดิมของซูชิคืออาหารที่เหมาะสำหรับคนทำงานที่เร่งรีบ จึงมีร้านแบบยืนทานอยู่ด้วย
ซูชิสามารถหาทานได้สะดวกทุกที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองที่ติดทะเลหรือในย่านตลาดสดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามเมืองต่าง ๆ เช่น ตลาดปลาสึกิจิ (Tsukiji Fish Market) หรือ ตลาดปลาโทโยสุ (Toyosu Fish Market) ในโตเกียว, ตลาดคุโรมง (Kuromon Ichiba Market) รวมร้านซูชิสายพาน (Kaitenzushi) ที่จะมีราคาถูกกว่าตามร้านอาหารที่มีเชฟมืออาชีพปั้นซูชิให้เราทานต่อหน้า
ซาชิมิ (Sashimi)

หลายคนอาจมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัตถุดิบของซูชิและซาชิมิอยู่บ้าง โดยซาชิมิ คือ อาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยอาหารทะเลสดแล่เป็นชิ้นพอดีคำ รับประทานกับซอสโชยุ อาจมีวาซาบิ หรือขิงร่วมด้วย ส่วนซูชินั้นคือ ข้าวปั้น มีบางหน้าโปะด้วยเนื้อปลาหรือเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกแล้ว แตกต่างจากซาชิมิที่เป็นอาหารทะเลสดเท่านั้น โดยเนื้อปลาสดที่นิยม เช่น มากุโร่ แซลมอน ซาบะ เป็นต้น
ส่วนใหญ่แล้วซาชิมิหาทานได้ในร้านซูชิ เพราะใช้วัตถุดิบหลักเป็นปลาดิบเหมือนกัน รวมถึงร้านอิซากายะ (ร้านเหล้าญี่ปุ่น) อีกทั้งยังมีขายเป็นแพ็คในซูเปอร์มาร์เก็ต แต่แน่นอนว่าถ้าจะให้อร่อยสดใหม่ที่สุดต้องเป็นร้านที่อยู่ใกล้ท่าเรือหรือที่่อยู่ใกล้แหล่งขายปลานะคะ
บทความน่ารู้
ราเมง (Ramen)

ราเมง คือ บะหมี่น้ำของประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าอาหารประเภทนี้แพร่หลายมาจากประเทศจีน ส่วนประกอบหลักโดยทั่วไปคือ เนื้อหมู สาหร่าย ต้นหอม และคามาโบโกะ ซึ่งมีลักษณะคล้ายลูกชิ้นปลาเส้นในบ้านเรา โดยแต่ละท้องถิ่นก็มีการปรุงรสที่แตกต่างกันไป ซึ่งมีอยู่ 4 สูตรหลัก คือ ราเมงมิโซะ (Miso Ramen), ราเมงโชยุ (Shoyu Ramen), ราเมงซุปกระดูกหมู/ราเมงทงคตสึ (Tonkotsu Ramen) และ ราเมงซุปเกลือ/ราเมงชิโอะ (Shio Ramen)
ราเมงเป็นอาหารที่หารับประทานได้ง่ายมากพอ ๆ กับก๋วยเตี๋ยวในไทยเลยค่ะ ทั้งตามห้างสรรพสินค้า รถเข็นข้างทาง แต่ถ้าอยากลิ้มลองรสต้นตำรับจริง ๆ สามารถไปลองทานยังถิ่นกำเนิดราเมงสูตรต่าง ๆ โดยราเมงซุปมิโซะมีต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองซัปโปโรในจังหวัดฮอกไกโด ราเมงทงคตสึมีต้นกำเนิดที่ฮากาดะและคุรุเมะในจังหวัดฟุกุโอกะ ราเมงชิโอะมีต้นกำเนิดที่เมืองฮาโกดาเตะในจังหวัดฮอกไกโด ส่วนราเมงโชยุ คือราเมงที่ถูกปรุงแต่งด้วยโชยุหลังจากได้รับการแพร่หลายมาจากจีนเพื่อให้ถูกปากคนญี่ปุ่น จึงเป็นราเมงที่หาทานได้ทั่วไปค่ะ
โซบะ (Soba)

โซบะ อาหารประเภทเส้นชนิดนี้ทำโดยนำเมล็ดโซบะบดเป็นผง ผสมน้ำ นวดแป้ง ทำเป็นเส้นแล้วนำไปต้ม เป็นอาหารญี่ปุ่นที่รู้จักกันแพร่หลายและโดดเด่นพอ ๆ กับซูชิ โซบะทานได้หลายแบบ ทั้งแบบกินในน้ำซุปร้อน ทั้งแบบเย็นแล้วจุ่มกับ โซบะซึยุ (Tsuyu) เป็นน้ำสต็อกที่จะแตกต่างกันตามท้องถิ่น ถ้าเป็นแถบคันโต น้ำสต็อกจะสกัดจากปลาโอแห้ง ถ้าเป็นแถบคันไซ น้ำสต็อกจะสกัดจากสาหร่ายคอมบุ ซึ่งทั้งสองแบบจะถูกปรุงรสด้วยโชยุเหมือนกัน
โซบะเย็นที่กินกับซอสโซบะซึยุ ถ้ามีสาหร่ายโรยหน้าเรียกว่า ซารุโซบะ (Zaru Soba) ถ้าไม่มีสาหร่ายจะเรียกว่า โมริโซบะ (Mori Soba) โซบะเป็นอีกเมนูที่หาได้ทั่วไป มีร้านแบบยืนกินคล้ายซูชิ ไปจนถึงระดับหรูหราเลยค่ะ และในร้านอาหารประเภทเส้นหลาย ๆ ร้าน เราสามารถเลือกเป็นเส้นโซบะหรืออุด้งก็ได้ค่ะ
อุด้ง (Udon)

อุด้ง คือ อาหารประเภทเส้นอย่างหนึ่งที่นิยมรับประทานในซุปใส เส้นทำจากแป้งสาลี มีความหนา ยาว และมีสีขาว น้ำซุปทำจากดาชิ โชยุ และมิริน อุด้งมีชื่อเรียกหลายชื่อ ตามอาหารที่นำมาวางบนเส้น เช่น เทมปุระ ก็จะเรียกว่าอุด้งหน้าเทมปุระ
แน่นอนว่าอุด้งก็หากินได้ทั่วไปไม่ต่างจากราเมน แต่ถ้าพูดถึงเมืองที่มีอุด้งอร่อย ใคร ๆ ก็ต้องพูดถึง จังหวัดคากะวะ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งอุด้ง” ของญี่ปุ่น โดยอุด้งประจำจังหวัดชื่อว่า ซานุคิอุด้ง (Sanuki Udon) โดยเส้นอุด้งมีความเหนียวนุ่ม และน้ำซุปหอมอร่อย
บทความน่ารู้
เทมปุระ (Tempura)

เทมปุระ คือ อาหารประเภทชุปแป้งทอดของญี่ปุ่น มีวัตถุดิบ คือ ผัก เช่น มะเขือยาว พริกหยวก ฟักทอง หรือเนื้อสัตว์ เช่น กุ้ง ปลา นำไปชุบแป้งมัน น้ำ และไข่ แล้วทอดไฟแรงในน้ำมันพืชด้วยระยะเวลาเพียง 30 – 40 วินาที เพื่อคงความสดของวัตถุดิบ และให้แป้งกรอบอร่อย
เทมปุระมีวิธีรับประทานหลายแบบ ทั้งจิ้มกับซอส ใส่ในโซบะ อุด้ง หรือทานกับข้าวก็อร่อย เทมปุระเป็นหนึ่งในของกินประจำครอบครัวคนญี่ปุ่น สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามมุมอาหารในซูเปอร์มาร์เก็ต อีกทั้งยังมีร้านอาหารเทมปุระโดยเฉพาะอยู่มากมายตามแหล่งท่องเที่ยว
ทงคัตสึ (Tonkatsu)

ทงคัตสึ คือ หมูชุบแป้งทอด ทำจากหมูหั่นเป็นแผ่น หมักด้วยเกลือและพริกไทย ชุบด้วยแป้งผสมไข่ นำไปทอดแล้วชุบเกล็ดขนมปังอีกชั้นแล้วทอดจนสุก มักรับประทานคู่กับอาหารอื่น เช่น ข้าวสวย กะหล่ำฝอย หรือซุปมิโซะ
ประวัติความเป็นมาของ ทงคัตสึ คือ อาหารคัทเลท (Cutlet) ที่ได้รับมาจากยุโรปเมื่อประมาณ ค.ศ. 1890 แล้วได้ปรับปรุงสูตรจนเข้ากับวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่น นอกจากนี้ทงคัตสึยังเป็นอาหารที่นิยมรับประทานหรือมอบให้แก่กันเมื่อจะเข้าสอบหรือแข่งขันต่าง ๆ เพราะคำว่า “คัตสึ” พ้องเสียงกับคำว่า “ชัยชนะ” ในภาษาญี่ปุ่นนั่นเองค่ะ
เมนูหมูชุบแป้งทอดแบบญี่ปุ่นนี้หาทานได้ทั่วไป แต่ในโตเกียวถือเป็นแหล่งที่มีร้านทงคัตสึอายุเก่าแก่หลายสิบปีไปจนถึงเกือบร้อยปีหลายร้านทีเดียว รวมถึงในเมืองนาโกย่าที่มีอาหารขึ้นชื่อเป็น มิโสะคัตสึ (Misokatsu) หรือ ทงคัตสึราดซอสมิโสะค่ะ
คุชิคัตสึ (Kushikatsu)

คุชิคัตสึ เมนูนี้อาจจะไม่คุ้นหูคนไทยเท่าเมนูอื่น ๆ ที่กล่าวมา แต่สำหรับชาวญี่ปุ่นถือเป็นเมนูอร่อยและยอดฮิตอีกเมนู คุชิคัตสึ คือ ของทอดเสียบไม้ ประกอบด้วยเนื้อสัตว์และผัก ชุบไข่ แป้งสาลี เกล็ดขนมปัง นำไปทอดในกระทะร้อน ๆ เวลาทานให้จุ่มกับซอส สามารถทานคู่กับกะหล่ำปลีเพื่อแก้เลี่ยนได้ค่ะ
แต่เดิมคุชิคัตสึเป็นอาหารสำหรับคนทำงานในย่านชินเซไก จังหวัดโอซาก้า เพราะเป็นของกินที่ทำง่าย สะดวก และสามารถทานได้รวดเร็ว ต่อมาก็นิยมกันไปทั่วทั้งจังหวัด ก่อนจะแพร่กระจายไปเมืองอื่น ๆ ของญี่ปุ่น ดังนั้นถ้าอยากกินคุชิคัตสึแบบมีร้านให้เลือกอย่างหลากหลาย ก็ต้องไปยังถิ่นกำเนิดอย่างโอซาก้านะคะ
โคร็อกเกะ (Korokke)

อีกเมนูของทอดของชาวญี่ปุ่น โคร็อกเกะ มาจากภาษาฝรั่งเศสคำว่า “Croquette (โครแก็ต)” เป็นอาหารที่ทำจากมันฝรั่งบดชุบเกล็ดขนมปังแล้วนำไปทอดให้เหลืองนวลกรุบกรอบน่ารับประทาน ซึ่งในปัจจุบันโคร็อกเกะได้มีการประยุกต์โดยมีไส้ต่าง ๆ มากมาย เช่น เนื้อสับ ชีส ปู เป็นต้น
โดยทั่วไปโคร็อกเกะ สามารถทานได้เปล่า ๆ เป็นอาหารทานเล่น หรือจะทานคู่กับซอสทงคัตสึ โดยมีเครื่องเคียงเป็นกะหล่ำปลี หรือจะทานกับข้าวก็ยังได้ แน่นอนว่าด้วยความที่อร่อย ไม่ยุ่งยาก โคร็อกเกะจึงสามารถหาทานได้ทั่วไปในญี่ปุ่นเลยค่ะ
คาราอาเกะ (Karaage)

คาราอาเกะเป็นของทอดของญี่ปุ่นที่เราคงรู้จักกันดีในรูปแบบของไก่ชุบแป้งทอด ซึ่งนิยมใช้เนื้อสะโพกไก่มาทำคาราอาเกะ แต่ความจริงคาราอาเกะไม่ได้หมายถึงไก่ทอดเพียงอย่างเดียว ยังหมายถึงเนื้ออื่น ๆ ด้วย เช่น ปลา กุ้ง รวมไปถึงผัก
โดยการปรุงรสคาราอาเกะนั้น จะปรุงรสของเนื้อก่อนนำไปชุบแป้งสาลีหรือแป้งมันแล้วทอด ไก่คาราอาเกะจึงแตกต่างจากไก่ทอดธรรมดา (Fried Chicken) ที่เน้นปรุงรสที่ตัวแป้งแทน ซึ่งไก่คาราอาเกะก็เป็นเมนูยอดฮิตหรือหาทานได้ง่ายไม่แพ้ไก่ทอดธรรมดาเลยทีเดียวค่ะ
โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki)

โอโคโนมิยากิ เป็นเมนูที่เราเรียกกันอีกแบบว่า “พิซซ่าญี่ปุ่น” เพราะมีลักษณะเป็นแป้งกลม ๆ คล้ายกัน แต่สำหรับโอโคโนมิยากินั้นเป็นการนำแป้งสาลีมาย่างบนกระทะ หน้าของโอโคโนมิยากิจะใส่ได้หลายอย่างตามใจชอบ เช่น หมู ปลาหมึก กุ้ง ต้นหอม เป็นต้น ซึ่งคำว่า “โอโคโนะมิ” นั้นแปลว่า “สิ่งที่ชอบ” นั่นเอง
โอโคโนมิยากิสามารถแบ่งได้สองสไตล์ตามถิ่นกำเนิด คือ สไตล์โอซาก้าหรือคันไซ และสไตล์ฮิโรชิม่า ซึ่งแบบโอซาก้าจะได้รับความนิยมมากกว่า เพราะถือเป็นแหล่งกำเนิดโอโคโนมิยากิ และถูกเรียกว่า “อาหารที่เป็นจิตวิญญาณของโอซาก้า” เลยทีเดียวค่ะ
- โอโคโนมิยากิแบบโอซาก้าจะนำเครื่องทุกอย่างใส่ลงไปในแป้ง ที่นิยม คือ ไข่ กะหล่ำปลีซอย เนื้อ อาหารทะเล ต้นหอม ผักต่าง ๆ แล้วนำไปทอดบนกระทะแล้วพลิกกลับให้สุกทั้งสองข้าง ราดด้วยมายองเนสสีขาว แล้วปิดท้ายด้วยการโรยปลาแห้งกับสาหร่ายเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
- โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่าจะแบ่งแป้งเป็นชั้น ชั้นแรกใส่กะหล่ำปลีฝอยเยอะ ๆ ชั้นต่อมาจึงใส่อะไรก็ได้ตามใจชอบ ปิดท้ายด้วยไข่และซอสโอโคโนมิยากิ
บทความน่ารู้
ทาโกยากิ (Takoyaki)

อีกหนึ่งเมนูยอดฮิตของญี่ปุ่นที่มีต้นกำเนิดที่โอซาก้าอีกแล้วค่ะ ทาโกยากิ หรือที่เรียกกันว่า “ขนมครกญี่ปุ่น” มีลักษณะเป็นทรงกลม มีวัตถุดิบหลักจาก แป้ง นม ไข่ และปลาหมึก ซึ่งคำว่า “ทาโกะ” ก็คือ “ปลาหมึก” นั่นเองค่ะ โดยผู้คิดเมนูนี้ก็ คือ เอ็นโดะ โทเมกิชิ ซึ่งนำแป้งทำขนมสำเร็จรูปที่นำเข้าจากฝรั่งเศสกับปลาหมึกมาทำเป็นทาโกยากิ จากนั้นจึงวางขายครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1935 ที่จังหวัดโอซาก้า และได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ
ปัจจุบันทาโกยากินิยมทานคู่กับซอสทาโกยากิและมายองเนส โรยสาหร่ายเขียวกับปลาแห้ง ถือเป็นอาหารที่หาทานได้ง่ายในญี่ปุ่น แน่นอนว่าถ้าอยากทานทาโกยากิแบบต้นตำรับก็ต้องไปที่ภูมิภาคคันไซ จังหวัดโอซาก้า กล่าวกันว่าแถบทุกบ้านในภูมิภาคคันไซนั้นมีเครื่องทำทาโกยากิติดบ้านเลยทีเดียวค่ะ
ยากิโซบะ (Yakisoba)

เมนูที่พัฒนาจากความนิยมในบะหมี่ผัดของจีน เส้นของยากิโซบะทำจากแป้งสาลีผสมไข่ไก่ เรียกว่า ชูกะเมง (Chukamen) โดยนำผัดกับเนื้อหมู ผัก เช่น กะหล่ำปลี หอมใหญ่ และซอสยากิโซบะ เกลือ พริกไทย โรยหน้าด้วยผงสาหร่าย ขิงดอง ปลาแห้ง และมายองเนส
ยากิโซบะเป็นอาหารธรรมดาทั่วไปทั้งในครัวเรือนและร้านแผงลอยตามงานเทศกาล แต่เพราะเป็นอาหารที่หาทานง่าย อร่อย จึงเป็นที่นิยม กระทั่งมีการประยุกต์ยากิโซบะเป็นไส้ขนมปังเรียกว่า ยากิโซบะปัง (Yakisoba Pan) ด้วย แต่ก็มียากิโซบะที่ปรุงรสชาติแบบท้องถิ่นเช่นกัน เช่น ฟุจิโนะมิยะ ยากิโซบะ (Fujinomiya Yakisoba) ที่เมืองฟุจิโนะมิยะ จังหวัดชิสึโอกะ ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ และแทบจะเป็นเมืองแห่งยากิโซบะไปเลย เพราะมีร้านขายโซบะถึง 140 ร้านเลยทีเดียวค่ะ
ดงบุริ (Donburi)

ดงบุริ คือ อาหารจานเดียวยอดฮิตที่เสิร์ฟในชาม ประกอบด้วยข้าวญี่ปุ่น ราดด้วยหน้าเนื้อสัตว์ต่าง ๆ โดยดงบุริหน้าแรก คือ อุนางิดง (Unagi Don) หรือข้าวหน้าปลาไหลนั่นเองค่ะ แล้วจึงค่อย ๆ มีข้าวหน้าเนื้อสัตว์ต่าง ๆ มากมายดังที่เห็นในปัจจุบัน เช่น ทามาโกะด้ง (Tamago Don) หรือข้าวหน้าไข่, กิวด้ง (Gyudon) หรือข้าวหน้าเนื่้อ, บูตะด้ง (Buta Don) หรือข้าวหน้าหมู, เท็นด้ง (Ten Don) หรือข้าวหน้าเทมปุระ เป็นต้น
ดงบุริมีมาตั้งแต่ช่วงศตรวรรษที่ 19 เกิดจากวิถีชีวิตที่เร่งรีบของชาวญี่ปุ่น จึงเกิดเป็นข้าวราดด้วยเนื้อสัตว์ที่วิธีทำไม่ยุ่งยากซับซ้อน เน้นความเร็วเป็นหลัก ช่วงแรก ๆ เป็นที่นิยมตามโรงละครและลานแสดงตามงานเทศกาล ก่อนจะแพร่หลายไปทั่วและเป็นที่นิยมมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งหาทานได้ทั่วไป และมีการทำเป็นอาหารสำเร็จรูป และอาหารแช่แข็งอีกด้วยค่ะ
ข้าวแกงกะหรี่ (Curry Rice)

ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น เป็นอาหารประจำชาติอีกอย่างของประเทศญี่ปุ่น แม้ได้รับเข้ามาจากอังกฤษในช่วงที่อินเดียอยู่ภายใต้การปกครอง แต่ข้าวแกงกะหรี่ก็ถูกปรับปรุงจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของญี่ปุ่นและได้ความนิยมมาถึงปัจจุบัน โดยเครื่องแกงจะเป็นแบบสไตล์ยุโรป ทอดแป้งและเนยด้วยน้ำมันมะกอก ผสมน้ำ ซุปเนื้อ และนม จนออกมาเป็นแกงที่เข้มข้น
อย่างไรก็ตาม แต่ละบ้านก็มีสไตล์การปรุงรสที่แตกต่างกันไปตามฝีมือและความชอบของคนในครอบครัว ทั้งเนื้อสัตว์ที่เป็นส่วนประกอบหลักก็จะแตกต่างกันไป เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อไก่ ส่วนผักได้แก่ หอมใหญ่ แครอท และมันฝรั่ง ซึ่งแตกต่างจากแกงกะหรี่ของชาติอื่น ๆ อย่างมาก ทั้งนี้แกงกะหรี่เป็นเมนูยอดฮิตที่หาทานง่าย หรือจะลองซื้อเครื่องแกงมาทำเองก็ไม่ยากเลยค่ะ
ยากินิคุ (Yakiniku)

ยากินิคุ ตามความหมายตรงตัวคือ “เนื้อย่าง” โดยคำว่า “ยากิ” แปลว่า “ย่าง”และ นิคุ แปลว่า “เนื้อ” ยากินิคุเป็นที่เข้าใจโดยทั่วกันว่า คือ ร้านอาหารปิ้งย่างซึ่งเน้นเนื้อสัตว์เป็นหลัก ยากินิคุมีต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองโอซาก้า เป็นอีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของเมืองนี้ ไม่ต่างจาก ทาโกยากิ อุด้ง หรือโอโคโนมิยากิเลยค่ะ
ยากินิคุนั้นมีประวัติยาวนานมากกว่า 100 ปี เพราะประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสำหรับการเลี้ยงวัวอย่างมาก จึงเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องเนื้อวัว และการปิ้งย่าง โดยยากินิคุจะเป็นการปิ้งย่างที่มีเนื้อและผักวางอยู่บนตะแกรงหรือกระทะเหล็ก สำหรับปิ้งคล้าย ๆ หมูกระทะบ้านเรา เมื่อสุกก็นำมาจุ่มซอสหรือน้ำจิ้ม นำเข้าปากแล้วเคี้ยวได้รสสุดฟินตามตำหรับเมืองของอร่อยอย่างโอซาก้าแน่นอนค่ะ
ยากิโทริ (Yakitori)

ยากิโทริ คือ “ไก่ย่าง” สไตล์ญี่ปุ่น โดยแยกคำแปล “โทริ” ก็แปลว่า “ไก่” นั่นเองค่ะ รูปแบบของยากิโทรินั้นเป็นไก่ชิ้นพอดีคำกับผักชิ้นเล็กเสียบไม้ย่างบนเตาถ่าน ปรุงรสด้วยซอสพิเศษสำหรับยากิโทริ แต่เมนูนี้ไม่ได้ใช้เพียงเนื้อไก่อย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเครื่องในไก่ด้วย เช่น ตับ กึ๋น ส่วนผัก เช่น พริกหยวก หอมใหญ่ ต้นหอมญี่ปุ่น เป็นต้น
ร้านยากิโทริส่วนใหญ่เป็นร้านเรียบง่าย ลูกค้านั่งรับประทานตรงเคาน์เตอร์ จึงเป็นที่นิยมในหมู่ซาลารี่แมนหรือชาวมนุษย์เงินเดือนค่ะ เพราะเหมาะเป็นกับแกล้มทานคู่กับเหล้าเบียร์เพื่อสังสรรค์หลังเลิกงาน แต่ยากิโทริก็มีขายในร้านอาหารระดับพรีเมียมเช่นกัน รวมถึงร้านขายเนื้อย่างบางร้านก็จะย่างยากิโทริหน้าร้าน ให้คนซื้อกลับบ้านได้ หรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้อก็มีค่ะ
ชาบู ชาบู (Shabu Shabu)

ชาบู ชาบู เมนูที่ดัดแปลงมาจากเมนูหม้อไฟของจีน แต่บ้างก็เชื่อว่าเป็นเมนูที่ได้รับอิทธิพลจากชาวมองโกล เพราะเมื่อทหารหยุดทัพก็จะล้อมวงต้มหม้อน้ำขนาดใหญ่และนำเนื้อสัตว์ที่ได้มาต้มลงไปในหม้อนั้น ปัจจุบัน ชาบู ชาบู เป็นเมนูหม้อไฟที่เป็นเนื้อวัวหรือเนื้อหมูหั่นบาง ๆ
ส่วนผักที่นิยมใส่ลงไป คือ เห็ดหอมสด เห็ดเข็มทอง ผักกาดขาวและเต้าหู้ น้ำซุปจะเป็นน้ำซุปคอมบุหรือสาหร่ายทะเล วิธีรับประทานก็ให้นำเนื้อสัตว์ลวกในน้ำซุปแล้วจิ้มกับน้ำจิ้มซึ่งมีสองแบบ คือ น้ำจิ้มงา และน้ำจิมปอนสึ ซึ่งให้อารมณ์เหมือนจิ้มจุ่มบ้านเราไม่น้อยเลยค่ะ สามารถหาทานได้ตามร้านอาหารต่าง ๆ และเป็นที่นิยมในช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่น เพราะทานแล้วทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น
เบนโต (Bento)

เบนโต หรือ “ข้าวกล่องญี่ปุ่น” ถ้าพูดว่าเป็นอาหารปิ่นโตแบบญี่ปุ่นก็คงไม่ผิดค่ะ เพราะเป็นอาหารที่จัดใส่กล่องเพื่อพกพาออกไปรับประทานนอกบ้าน โดยภายในกล่องมีลักษณะเป็นหลุมเพื่อจะได้จัดการอาหาร เช่น ข้าว กับข้าวและเครื่องเคียงได้เป็นสัดส่วน
เบนโตมีหลายแบบด้วยกัน เช่น ชิดาชิเบนโต (Shidashi Bento) เบนโตที่เสิร์ฟในร้านอาหาร สำหรับเบนโตที่ฮิตมากสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือ เอคิเบน (Ekiben) ซึ่งเป็นเบนโตที่ขายตามสถานีรถไฟทั่วญี่ปุ่น โดยมีทั้งอาหารทั่วไปและอาหารที่แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องที่ รวมทั้งรูปแบบกล่องที่เป็นเอกลักษณ์อย่างรถไฟหรือตัวการ์ตูน ถ้าได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นและได้เดินทางโดยรถไฟแล้ว ก็ควรจะลองเอคิเบนสักครั้งนะคะ หรืออาจจะจัดทัวร์รับประทานเอคิเบนตามสถานีรถไฟต่าง ๆ เลยก็นับว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจค่ะ
ไคเซกิ (Kaiseki)

ไคเซกิ หรือ “ชุดอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม” ถือเป็นรูปแบบอาหารที่เป็นสุดยอดของญี่ปุ่น ด้วยความปราณีตทั้งการจัดเตรียมอาหารและวิธีตกแต่ง เป็นชุดอาหารที่บริการทีละคอร์ส คือ อาหารเรียกน้ำย่อยจานเล็ก อาหารจานหลัก และของหวานปิดท้าย คล้ายเมนูฟูลคอร์สของยุโรป โดยวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารแต่ละเมนูเป็นวัตถุดิบตามฤดูกาลที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี ผ่านกระบวนการทำอาหารที่พิถีพิถัน และจัดแต่งอย่างงดงาม เช่น ในฤดูใบไม้ร่วง ก็จะมีวัตถุดิบอย่างเห็ดมัตสึทาเกะ เป็นต้น ทำให้เป็นอาหารที่มีราคาค่อนข้างสูงทีเดียว
ส่วนใหญ่จะหารับประทานไคเซกิได้ในเรียวกังหรือที่พักแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยมีห้องอาหารเป็นห้องส่วนตัวปูด้วยเสื่อทาทามิ เพื่อให้ได้สัมผัสและซึมซับบรรยากาศวัฒนธรรมและความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีร้านอาหารแบบเคาท์เตอร์ที่ไม่เป็นทางการ ที่เสิร์ฟไคเซกิอยู่จำนวนมาก แต่ยังคงความประณีตของความเป็นไคเซกิไว้เหมือนเดิม เหมาะสำหรับคนที่อยากลองรับประทานไคเซกิแบบไม่ต้องเข้าพักในเรียวกังค่ะ
ส่งท้าย
เชื่อว่าหลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีอาการน้ำลายสอไม่มากก็น้อย หากมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นก็อยากให้ลองเมนูอาหารญี่ปุ่นที่แนะนำนี้ดูนะคะ ซึ่งจากที่ยกมานี้ อาหารส่วนใหญ่นั้นมีต้นกำเนิดอยู่ที่โอซาก้า เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารมากมาย ใครที่มาเที่ยวที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ใครที่ได้ไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ก็ลองทานอาหารท้องถิ่นของเมืองนั้น ๆ จะได้สัมผัสกับรสชาติและบรรยากาศอย่างเต็มปากเต็มคำ จนทำให้คุณต้องตั้งปณิธานกับตัวเองว่า จะกลับมากินของอร่อยที่นี่อีกครั้งแน่นอน!
Publish: 20 December 2018
Edit: 12 November 2021
บทความอาหารแนะนำ
บทความอาหารน่ารู้
- ราเมง โซบะ อุด้ง : 3 เส้นบะหมี่ญี่ปุ่นนี้ต่างกันอย่างไร?
- ซูชิ ซาชิมิ : 2 เมนูปลาดิบนี้ของญี่ปุ่นต่างกันอย่างไร?
- โอโคโนมิยากิ มอนจายากิ : 2 เมนูพิซซ่าญี่ปุ่นนี้ต่างกันอย่างไร?
- 10 ความแตกต่างน่ารู้ก่อนไปญี่ปุ่น : การทานอาหารที่ญี่ปุ่น VS ที่ไทย
- 8 ความแตกต่างน่ารู้ก่อนไปญี่ปุ่น : เครื่องดื่มที่ญี่ปุ่น VS ที่ไทย