Home เที่ยวญี่ปุ่น 7 ข้อควรรู้ในการเที่ยวญี่ปุ่นช่วงไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ระบาด
เที่ยวญี่ปุ่นช่วงไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่

7 ข้อควรรู้ในการเที่ยวญี่ปุ่นช่วงไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ระบาด

by Japan Check-in!
2744 views

เที่ยวญี่ปุ่นช่วงต้นปีคงเป็นทริปที่ใคร ๆ ต่างก็ใฝ่ฝันอยากจะไป ด้วยอากาศหนาวที่น่าไปสัมผัสสักครั้ง หลาย ๆ คนก็จองตั๋วเครื่องบินและที่พักเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ทำให้หลายคนต้องไปเที่ยวญี่ปุ่นกันในช่วงนี้กันแบบหวาดระแวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในโชคร้ายก็ยังมีโชคดีที่ไวรัสชนิดนี้ยังมีทางป้องกันได้

ไวรัสโคโรน่าคืออะไร?

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่” หรือ Coronavirus (2019-nCoV) เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบติดเชื้อ ได้เริ่มระบาดจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ตั้งแต่ปลายปี 2019 อาการของผู้ที่ติดไวรัสจะคล้ายกับคล้ายโรคปอดอักเสบและไข้หวัดใหญ่ คือมีไข้ เจ็บคอ ไอ น้ำมูกไหล

ไวรัสโคโรน่าสามารถติดต่อผ่านคนสู่คนได้หลายทาง เช่น การสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย และติดต่อผ่านการหายใจได้เช่นกัน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อนั้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลกจึงต้องเฝ้าระวังเชื้อไวรัสชนิดนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับประเทศจีนที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุด วันนี้เรามาดูกันว่าหากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้จะต้องเตรียมตัวรับมือกับไวรัสโคโรน่าอย่างไรบ้าง

การป้องกันไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่

ป้องกันไวรัสโคโรน่าช่วงท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้อย่างไร?

1. สวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ

เนื่องจากไวรัสโคโรน่าติดต่อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น เสมหะหรือน้ำลาย หรือการสูดดมอากาศที่มีไวรัสปะปนอยู่เข้าไป การสวมหน้ากากอนามัยทั่วไปหรือ N95 จึงจำตัวเลือกที่สำคัญในการป้องการไวรัสชนิดนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมเชื้อไวรัสเข้าไป และยังช่วยหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าซึ่งเป็นการรับเชื้อโรคอีกทางหนึ่ง แต่หากต้องไอหรือจามโดยไม่ได้ใส่หน้ากาก ควรจามไอหรือจามใส่ทิชชู่หรือแขนเสื้อแทนการไอหรือจามใส่มือเพื่อลดการกระจายของเชื้อโรคผ่านทางเสมหะและน้ำลาย แต่ทางที่ดีควรใส่หน้ากากอนามัยไว้จะปลอดภัยที่สุด

2. ล้างมือบ่อย ๆ หรือ พกเจลล้างมือ

ไวรัสโคโรน่าติดต่อได้ทางการสัมผัสเป็นหลัก จึงควรหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือใช้แอลกอฮอลล์เจลล้างมือบ่อย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อโรค และไม่ควรสัมผัสเยื่อบุตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น เพราะเชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว

3. หลีกเลี่ยงที่มีผู้คนแออัด

เนื่องจากไวรัสโคโรน่า ใช้เวลาในการฟักตัว 5-12 วัน กว่าจะแสดงอาการออกมา ทำให้เราไม่รู้เลยว่าใครที่มีเชื้อไวรัสนี้อยู่ในตัว การเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดจึงเสี่ยงต่อการติดโรคได้มากขึ้น ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงที่ที่มีคนแออัดไม่ได้ก็ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ หรืออาจเปลี่ยนแพลนการเที่ยวไปที่ที่แปลกใหม่และอากาศปลอดโปร่งมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่มีคนพลุกพล่าน เพราะญี่ปุ่นเองก็เป็นประเทศที่มีที่เที่ยวน่าสนใจกระจายตัวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

4. ทานอาหารปรุงสุก

ไปเที่ยวทั้งทีหลาย ๆ คนอาจจะอยากลองอาหารท้องถิ่นที่แปลกใหม่ แต่ถ้าเป็นอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกหรือเนื้อดิบอาจจะต้องงดกันไปก่อน เพราะไวรัสโคโรน่าติดต่อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว แต่เชื้อไวรัสนี้ตายได้ด้วยความร้อน จึงควรปรุงให้สุกก่อนรับประทาน นอกจากนี้ก็ไม่ควรรับประทานสัตว์ป่าเช่นกัน

5. ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

ไม่ควรใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขนหนูเช็ดตัว เพราะเชื้อไวรัสอาจกระจายตัวได้ง่ายขึ้นผ่านการสัมผัสของใช้เหล่านี้โดยตรง

6. พักผ่อนให้เพียงพอ

นาน ๆ ทีได้ไปเที่ยวหลายคนก็คงอยากเก็บเกี่ยวเวลาเที่ยวให้ได้มากที่สุด จนลืมการพักผ่อนไป แต่ทางการแพทย์พบว่าความรุนแรงของเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นขึ้นอยู่กับจำนวนเชื้อที่เข้าสู่ปอดของเรา ผู้ที่มีปอดสุขภาพดีหรือไม่มีโรคปอดเรื้อรังก็จะต่อสู้กับโรคนี้ได้ดีกว่า รวมไปถึงผู้ที่พักผ่อนเพียงพอก็จะช่วยให้เชื้อเข้าสู่ปอดได้ช้าลง ดังนั้นแม้อยู่ระหว่างการท่องเที่ยวก็ควรนอนหลับให้เพียงพอเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรครอบ ๆ ตัวเราด้วยนะคะ

7. กลับมาแล้วมีอาการเข้าข่าย รีบไปหาหมอด่วน

หลังกลับจากการเที่ยวญี่ปุ่นหากมีไข้และมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ มีเสมหะ และหายใจเหนื่อยหอบ ควรรีบใส่หน้ากากอนามัยและไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยด่วน แล้วอย่าลืมแจ้งประวัติการเดินทางด้วยนะคะ

ส่งท้าย

วิธีป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นั้นไม่ยากอย่างที่คิด ไปเที่ยวญี่ปุ่นรอบนี้อย่าลืมนำหน้ากากอนามัยขึ้นมาใส่ ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลเพื่อป้องกันเชื้อโรค และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดหรือที่ที่มีคนไอหรือจามกันด้วยนะคะ

บทความที่เกี่ยวข้อง