จังหวัดโอซาก้า (Osaka) เป็นเมืองศูนย์กลางของภูมิภาคคันไซ (Kansai) ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเป็นเมืองยอดฮิตของนักท่องเที่ยวรองจากโตเกียว (Tokyo) ในภูมิภาค (Kanto) สามารถเดินทางมาได้สะดวกจากประเทศไทยโดยเที่ยวบินตรงมาลงที่สนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport)
โอซาก้านั้นขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกินที่อร่อย ไม่ว่าจะเป็น ทาโกะยากิ โอโคโนะมิยากิ คุชิคัตสึ (ของทอดเสียบไม้) รวมทั้งแหล่งช้อปปิ้งของถูก และมีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ทั้งแบบญี่ปุ่นโบราณและแบบสมัยใหม่ อีกทั้งยังมีสวนสนุกระดับโลกอย่าง ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ (Universal Studios) จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมโอซาก้าจึงเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวค่ะ
15 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองโอซาก้าที่ห้ามพลาด!
สวนสนุกยูนิเวอร์แซลสตูดิโอเจแปน (Universal Studios Japan)
( แผนที่)
พบกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับต้นๆ ของโอซาก้าเลยก็ว่าได้ โดยมาพร้อมกับความสนุกสุดเหวี่ยง ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติรู้จักกันดีนั่นคือ “สวนสนุกยูนิเวอร์แซลสตูดิโอเจแปน (Universal Studios Japan)“ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “USJ” สวนสนุกที่รวมบรรดาเครื่องเล่นมากมายและธีมปาร์คเอาไว้ภายใน โดยเปิดให้บริการในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ซึ่งถือได้ว่าเป็นสวนสนุกยูนิเวอร์แซลแห่งแรกในเอเชียด้วยค่ะ
สวนสนุกแห่งนี้แบ่งออกเป็นโซนหลักๆ 9 โซน ได้แก่ The Wizarding World of Harry Potter, Minion Park, Universal Wonderland, Hollywood, New York, San Francisco, Jurassic Park, Amity Village และ Water World ซึ่งยังรวมไปถึงขบวนพาเหรดและการแสดงพิเศษต่าง ๆ ให้ได้ชมอีกด้วยค่ะ สามารถมาสนุกได้ทั้งวันไม่มีเบื่อแน่นอน
ตัวสวนสนุกตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Universal-City บนสาย JR Sakurajima Line ค่ะ คนที่จะมาเที่ยวที่นี่สามารถเลือกซื้อบัตรได้ล่วงหน้าผ่านทางตัวแทนจำหน่าย หรือมาซื้อที่หน้าสวนสนุกก็ได้ค่ะ โดยมีบัตรหลัก ๆ ให้เลือก 2 แบบ คือ 1 DAY STUDIO PASS และแบบ 2 DAYS STUDIO PASS ซึ่งเป็นบัตรเข้าประตูพร้อมเล่นเครื่องเล่น หรือสำหรับที่ไม่อยากรอคิวเครื่องเล่นนานก็สามารถซื้อ Universal Express Pass เพิ่มได้ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น ‘บัตรเบ่ง’ เดินเข้าช่องพิเศษไปเล่นเครื่องเล่นที่กำหนดได้เลยค่ะ
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
( แผนที่)
สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับอีกแห่งหนึ่งของเมืองที่ควรค่าแก่การแวะมาสัมผัสกับ “ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)” ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ของเมืองโอซาก้าเลยก็ว่าได้ค่ะ
ปราสาทโอซาก้าสร้างขึ้นโดยท่านโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) ในปี ค.ศ. 1583 หลังจากนั้นปราสาทแห่งนี้ได้ถูกทำลายอยู่หลายครั้ง ทั้งจากเหตุฟ้าผ่าทำให้เกิดไฟไหม้ และจากการถูกเผาในช่วงสงครามกลางเมือง รวมทั้งถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายหลังจากที่เหตุการณ์บ้านเมืองสงบลงแล้ว เทศบาลนครโอซาก้าในเริ่มบูรณะปราสาทขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1995 โดยสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1997
ปัจจุบันปราสาทโอซาก้าได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาตั้งแต่อดีตให้ได้ศึกษากัน โครงสร้างปราสาทมีอยู่ทั้งหมด 8 ชั้น ตั้งอยู่โดดเด่น เป็นสง่า มีความสวยงาม และที่สำคัญปราสาทแห่งนี้ยังกลายเป็นสถานที่สำหรับชื่นชมความงามในช่วงเทศกาลดอกซากุระบานอีกด้วยนะคะ
สำหรับการเดินทางมายังปราสาทโอซาก้านั้นมีหลายวิธี คนที่มาด้วยรถไฟใต้ดิน สามารถนั่งมาลงที่สถานี Tanimachi 4-chrome ส่วนคนที่มาด้ายรถไฟ JR ก็สามารถนั่งมาลงได้ที่สถานี Osakajokoen หรือ Morinomiya ค่ะ
ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)
( แผนที่)
วันนี้จะขอเอาใจเหล่านักช้อป…ชิม…ดื่ม กับย่านที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีทีเดียวกับ “ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)” ที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองโอซาก้า ซึ่งรวบรวมร้านอาหาร ร้านค้ามาไว้ด้วยกันอย่างหลากหลาย รวมไปถึงร้านปาจิงโกะ ร้านเกมส์และแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนที่ไม่ยอมหลับใหลอีกด้วยค่ะ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของผู้คนและเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าในย่านนี้ได้อย่างจุใจ หรือจะใช้บริการ “เรือล่องแม่น้ำทมโบริ (Tombori River Cruise)” ชมวิวสองข้างฝั่งก็ได้ค่ะ
สิ่งที่โดดเด่นของย่านโดทงโบริและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากนั่นคือ “ป้ายกูลิโกะ” ซึ่งเป็นป้ายโฆษณานีออนขนาดใหญ่ยักษ์ที่เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของเมืองโอซาก้าก็ว่าได้ นอกจากนี้ก็ยังมีป้ายปูยักษ์ ป้ายเกี๊ยวซ่ายักษ์ และร้านอื่น ๆ อีกมากมายที่เปรียบเสมือนแลนด์มาร์คของย่านนี้ค่ะ
ย่านโดทงโบรินั้นตั้งอยู่บนถนนที่เลียบกับริมคลองโดทงโบริ ตั้งแต่สะพานโดทงโบริบาชิ (Dotonbori Bridge) ไปจนถึงสะพานนิปปมบาชิ (Nippombashi Bridge) สามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Namba หรือ สถานี Nippombashi ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าลงที่สถานี Namba ก็จะใกล้กับป้ายกูลิโกะมากกว่านะคะ
ตลาดคุโรมง (Kuromon Ichiba Market)
( แผนที่)
จัดหนัก! จัดเต็ม! กับผู้ที่หลงใหลในอาหารญี่ปุ่นหลากหลายเมนู ปรุงสดใหม่ ของดี แถมราคาก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด อีกหนึ่งสถานที่ที่เราอยากจะบอกต่อกับ “ตลาดคุโรมง (Kuromon Ichiba Market)” เป็นตลาดขนาดใหญ่ใน “ย่านนิปปมบาชิ (Nippombashi)” ที่มีสินค้าจำหน่ายมากมายอย่างผักสด ผลไม้สด วัตถุดิบ เครื่องปรุง อาหารทะเลสด ๆ และอาหารพร้อมทานที่มีให้เลือกซื้อเลือกทานกันอย่างหลากหลายกว่า 150 ร้าน เรียกได้ว่าเป็น “ครัวของโอซาก้า” เลยทีเดียว
ตลาดคุโรมงถือเป็นตลาดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงของเมืองโอซาก้าจริง ๆ ค่ะ ไม่ใช่แค่ความอร่อยของเมนูอาหารเท่านั้น แต่ที่นี่ยังเน้นความใหม่ สด สะอาด และเราจะเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชอบมาที่นี่กันมาก แถมการเดินทางก็ยังสะดวกสบายด้วยรถไฟใต้ดิน สามารถนั่งมาลงที่สถานี Nippombashi หรือจะเดินมาจาก “ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)“ ก็ยังได้ค่ะ ใครที่มาเยือนเมืองโอซาก้า ก็ลองแวะมาหาของกินที่ตลาดแห่งนี้กันดู…รับรองว่าได้อิ่มจนพุงกางเลยค่ะ
ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi)
( แผนที่)
พบกับย่านดี! ย่านดัง! ที่ต้องบอกต่อกันเลยทีเดียว เพราะที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องแฟชั่น ร้านอาหาร และร้านขนมชื่อดังของเมืองโอซาก้านั่นก็คือ “ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi)” โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรง “ถนนชินไซบาชิซูจิ (Shinsaibashi-Suji Shopping Street)” ที่เป็นถนนช้อปปิ้งยอดนิยมของโอซาก้าซึ่งอยู่ใกล้กับ “ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)“ สามารถเดิมเชื่อมกันได้ ส่วนคนที่เดินทางมาด้วยรถไฟใต้ดิน ก็สามารถนั่งมาลงที่สถานี Shinsaibashi ได้เลยค่ะ
ย่านชินไซบาชิถือได้ว่าเป็นย่านการค้าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่นสมัยใหม่ที่มีให้เลือกทุกแบบ ทุกแนว มีทุกแบรนด์ตั้งแต่ราคาถูกไปจนถึงแพงตามใจฉันกันเลยค่ะ รวมไปถึงห้างสรรพสินค้า ร้านเครื่องสำอาง ร้านรองเท้า ร้านกระเป๋า ร้านจำหน่ายสินค้าไอที ร้านนาฬิกา ร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร และอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนให้เดินช้อปปิ้งกันจนเต็มอิ่มเลยทีเดียว
หมู่บ้านอเมริกา (America Mura)
( แผนที่)
ใครที่ชอบความแนวและชอบเดินเที่ยวท่ามกลางเหล่าวัยรุ่นคูลๆ ชิคๆ ต้องมาย่านนี้เลยจ้า! “หมู่บ้านอเมริกา (America Mura)” ศูนย์รวมแฟชั่นสุดฮอตและวัฒนธรรมอันหลากหลายของวัยรุ่นในโอซาก้า ถ้าเทียบกับฝั่งโตเกียว ก็เรียกได้ว่าเป็น “ย่านชิบูย่า (Shibuya)” นั่นเองค่ะ
หมู่บ้านอเมริกาแห่งนี้มีจุดเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1970 โดยเป็นโซนขายเสื้อผ้ามือสองและของใช้จากอเมริกา ปัจจุบันนี้ก็ได้กลายมาเป็นแหล่งช้อปปิ้งและเป็นจุดนัดพบที่บรรดาวัยรุ่นมารวมตัวกันสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเต้น การร้องเพลง การวาดภาพ การเล่นกีฬา หรือเปิดการแสดงอื่น ๆ ให้ได้เห็นกันอยู่เสมอโดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์
ย่านนี้เป็นที่รู้จักในบรรดานักท่องเที่ยวและพลาดไม่ได้เลยที่จะแวะมาช้อป ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า เครื่องประดับ และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งสินค้ามือหนึ่งหรือว่ามือสองที่นำเข้ามาจากประเทศอเมริกาโดยตรง และที่นี่ก็ยังอยู่ในย่าน “ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi)” ใกล้กับ “ถนนชินไซบาชิซูจิ (Shinsaibashi-Suji Shopping Street)” และ “ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)“ เรียกได้ว่ามาแถวนี้ได้ช้อปเพลินทั้งวันเลยค่ะ
ชิงช้าสวรรค์เทมโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel)
( แผนที่)
แลนมาร์คสำคัญของเมืองโอซาก้าอีกแห่งหนึ่งเลยที่ต้องห้ามพลาดสำหรับ “ชิงช้าสวรรค์เทมโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel)” ที่นี่เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 ถือเป็นชิงช้าสวรรค์ใหญ่ยักษ์ระดับโลกกันเลยทีเดียว ก็เพราะมีความสูงอยู่ที่ 112.5 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 100 เมตร ใช้เวลาหมุนประมาณ 15 นาทีต่อรอบ และมีทั้งหมด 60 กระเช้า จากด้านบนสามารถชมวิวได้แบบพาโนราม่า และถ้าหากมาเที่ยวในช่วงกลางคืน ชิงช้างสวรรค์แห่งนี้จะเปิดไฟ LED เป็นสีต่าง ๆ สว่างไสวเลยทีเดียวค่ะ
ชิงช้าสวรรค์เทมโปซานนั้นตั้งอยู่ติดกับ “ศูนย์การค้าเทมโปซาน Tempozan Market Place“ ในบริเวณ “หมู่บ้านท่าเรือเทมโปซาน (Tempozan Harbor Village)” ตรงริมอ่าวโอซาก้า (Osaka Bay) คนที่มาเที่ยวโซนนี้ก็คุ้มมาก ๆ เลยค่ะ เพราะมีที่เที่ยวหลายแห่งเลย ซึ่งสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดก็คือสถานี Osakako นะคะ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)
( แผนที่)
ขอเอาใจเด็ก ๆ และคนรักสัตว์กับสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่จะได้มาสัมผัสความมหัศจรรย์ของโลกใต้น้ำกับ “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)” เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ “หมู่บ้านท่าเรือเทมโปซาน (Tempozan Harbor Village)” บริเวณริมอ่าวโอซาก้า (Osaka Bay) ใกล้ๆ กันกับ “ชิงช้าสวรรค์เทมโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel)“ นั่นเองค่ะ
การออกแบบโครงสร้างของอาคารพิพิธภัณฑ์ไคยูคังเป็นรูปทรงเรขาคณิต ดูสวยงาม แปลกต และทันสมัย โดยมีอยู่ทั้งหมด 8 ชั้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา ภายในมีการจำลองให้เป็นอุโมงค์ใต้น้ำที่มีความยาวกว่า 11 เมตร และมีตู้ปลาขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของฉลามวาฬยักษ์ เหล่าสัตว์น้ำและสัตว์อื่น ๆ หลากหลายสายพันธุ์ประมาณ 620 ชนิด รวมเป็นจำนวนกว่า 30,000 ตัว
นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับการเดินชมสัตว์ชนิดต่าง ๆ หรือจะเป็นส่วนของนิทรรศการ และโซนการแสดงให้อาหารสัตว์อีกมากมาย ที่นี่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากทีเดียวทั้งจากชาวญี่ปุ่น รวมไปถึงชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องหลงใหลในเสน่ห์ความน่ารักของเจ้าสัตว์น้อยใหญ่ไปตาม ๆ กัน
ตึกอุเมะดะสกาย (Umeda Sky Building)
( แผนที่)
เราสามารถขึ้นไปชื่นชมความงามของเมืองโอซาก้าได้ทั้งเมือง และดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก ณ “ตึกอุเมะดะสกาย (Umeda Sky Building)” ในย่านอูเมะดะ ใกล้กับสถานีรถไฟ Osaka และสถานี Umeda สามารถเดินมาได้โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาทีค่ะ
ตึกอุเมะดะสกายสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1993 เป็นอาคารที่มีความสูงอยู่ที่ 173 เมตร มีทั้งหมด 40 ชั้น ซึ่งมีลักษณะเป็นตึกแฝด 2 หลังโดยมีสะพานเชื่อมต่อกันบริเวณกลางตึก ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมตึกสูงที่มีความสวยงาม ทันสมัย เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของ “ย่านอุเมดะ (Umeda)”
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของตึกแห่งนี้เพื่อชมความงามของเมืองได้อย่างชัดเจน และสามารถเดินเที่ยวได้รอบ ๆ แบบ 360 องศาเลยทีเดียว ซึ่งบนดาดฟ้าชั้น 40 นั้นจะเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อว่า “Floating Garden Observatory (Kuchu-Teien Observatory)” โดยประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านจำหน่ายของที่ระลึกไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
ตึกอะเบะโนะฮารุคัส (Abeno Harukas)
( แผนที่)
หากมีเวลาพอ เราขอแนะนำสถานที่ชมวิวแห่งใหม่ของเมืองโอซาก้า ที่มีครบและจบในที่เดียวกับ “ตึกอะเบะโนะฮารุคัส (Abeno Harukas)” เป็นอาคารที่มีความสูง 300 เมตร มีทั้งหมด 60 ชั้น นับเป็นตึกสูงที่สุดในญี่ปุ่นในขณะนี้ เนื่องจากเพิ่งสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ
ภายตึกอะเบะโนะฮารุคัสประกอบด้วยห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ศิลปะ โรงแรม ออฟฟิศ สถานีรถไฟ Kintetsu และที่พลาดไม่ได้เลยกับการขึ้นมาสัมผัสความงามของเมืองโอซาก้าแบบ 360 องศาที่จุดชมวิว “HARUKAS 300 Observatory” บนชั้น 58 – 60 แถมที่นี่ยังมีระเบียงลอยฟ้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านจำหน่ายของที่ระลึกไว้บริการอีกด้วยค่ะ
คนที่จะมาเที่ยวที่นี่ นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟสาย Kintetsu มาลงที่สถานี Osaka-Abenobashi ตรงตึกอะเบะโนะฮารุคัสแล้ว ยังสามารถนั่งรถไฟ JR และรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Tennoji ก็ได้ค่ะ
หอคอยซึเทนคาคุ (Tsutenkaku Tower)
( แผนที่)
สัญลักษณ์ด้านความเจริญรุ่งเรืองในอดีตที่ผ่านมา ที่เปรียบเสมือนตัวแทนและความทรงจำของโอซาก้ากับ “หอคอยซึเทนคาคุ (Tsutenkaku Tower)” ซึ่งมีความหมายว่า “หอคอยสู่สวรรค์“
หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1912 โดยมีต้นแบบมาจากหอไอเฟล (Eiffel Tower) ในประเทศฝรั่งเศส ถือได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงเป็นอันดับที่ 2 ในเอเชียในขณะนั้น ด้วยระดับความสูง 64 เมตร สำหรับรูปลักษณ์ของหอคอยซึเทนคาคุในปัจจุบันนี้สร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1956 โดยมีความสูงที่ 103 เมตร ที่สำคัญที่นี่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของเมืองโอซาก้ากันได้แบบ 360 องศาได้ที่ชั้น 4 – 5 ด้วยค่ะ
หอคอยซึเทนคาคุเรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของ “ย่านชินเซไก (Shinsekai)” อีกแหล่งท่องเที่ยวของเมืองโอซาก้า ที่ให้บรรยากาศแนวย้อนยุคและเต็มไปด้วยร้านอาหารท้องถิ่นของโอซาก้า ใครที่มาเที่ยวแถวนี้อย่าลืมมาลิ้มลองอาหารอร่อย ๆ ดูนะคะ โดยสามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Dobutsuen-mae หรือนั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Shin-Imamiya ส่วนคนที่จะมาหอคอยซึเทนคาคุ ก็สามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Ebisucho ก็จะเดินใกล้สุดค่ะ
สวนสัตว์เทนโนจิ (Tennoji Zoo)
( แผนที่)
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มากันได้ทั้งครอบครัวและจะได้รู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางสัตว์ป่าอันน้อยใหญ่กับ “สวนสัตว์เทนโนจิ (Tennoji Zoo)” ที่นี่เป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่ในใจกลางเมืองโอซาก้าที่รวมเอาสัตว์ป่านานาพันธุ์จากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ที่นี่ที่เดียว โดยมีเนื้อที่ประมาณ 70 ไร่ เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1915
ภายในสวนสัตว์เทนโนจิมีการจำลองที่อยู่อาศัยของสัตว์ให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเสือ สิงโต ลิงชิมแปนซี นกกีวี หมีโคอาล่า และสัตว์อื่น ๆ มากกว่า 250 ชนิด รวมไปถึงนิทรรศการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและระบบนิเวศน์ที่จัดแสดงให้แก่นักท่องเที่ยวได้ชมกัน และแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติอีกด้วย ผู้ที่มาเยือนที่นี่สามารถชื่นชมความน่ารักพร้อมทั้งได้ใกล้ชิดกับสัตว์อีกด้วยนะคะ อีกทั้งที่ตั้งของสวนสัตว์ก็ยังติดกับ “ย่านชินเซไก (Shinsekai)” สามารถเดินเที่ยวแถวนี้ได้เพลินเลยค่ะ
วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple)
( แผนที่)
สถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ ที่โดดเด่น งดงาม และมีเอกลักษณ์ ซึ่วงได้รับการรักษาให้คงไว้กับ “วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple)” วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 593 โดยเจ้าชายโชโตคุ (Prince Shotoku) ผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยรูปแบบในการสร้างวัดได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน ถือเป็นวัดพุทธแห่งแรกและความเก่าแก่มากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น
ในอดีตวัดชิเทนโนจิได้ถูกทำลายจากสงครามและได้รับความเสียหายหลายครั้ง ต่อมาได้รับการบูรณะสร้างขึ้นใหม่ตามโครงสร้างและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ภายในวัดแห่งนี้ประกอบไปด้วยเจดีย์ห้าชั้นแบบญี่ปุ่น วิหารทองคำสำหรับประดิษฐานรูปเคารพของพระโพธิสัตว์เนียวไร หอพระธรรม และภายในวัดยังเป็นที่ตั้งของสวนญี่ปุ่นที่มีต้นซากุระและเมเปิ้ลปลูกอยู่ด้วยค่ะ ในวันที่ 22 เมษายนของทุกปีจะมีงานเทศกาลของวัดชิเท็นโนจิ เพื่อรำลึกถึงวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายโชโตคุ
วัดชิเทนโนจินั้นอยู่ใกล้กับ “สวนสัตว์เทนโนจิ (Tennoji Zoo)“ สามารถเดินมาได้ค่ะ สำหรับคนที่มาทางรถไฟ สถานีที่ใกล้ที่สุดก็คือ สถานีรถไฟใต้ดิน Shitennoji-mae Yuhigaoka ถ้ามาด้วยรถไฟ JR ก็ลงที่สถานี Tennoji ค่ะ
ศาลเจ้าสุมิโยชิไทฉะ (Sumiyoshi Taisha)
( แผนที่)
สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สร้างเมื่อพันปีก่อน ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่เป็นที่รู้จักอย่างดีของคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติสำหรับ “ศาลเจ้าสุมิโยชิไทฉะ (Sumiyoshi Taisha)”
ศาลเจ้ามิโยชิไทฉะแห่งนี้นับว่าเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 211 เป็นที่สถิตของเทพเจ้าชินโตซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธามาตั้งแต่อดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวประมงที่มาสักการะเพื่อให้เดินทางปลอดภัยเวลาที่จะออกเรือหาปลา และในช่วงปีใหม่จะเป็นช่วงที่มีคนมาสักการะศาลเจ้าแห่งนี้เป็นจำนวนมากค่ะ
นอกจากตัวอาคารของศาลเจ้าแล้ว แลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่ก็คือสะพานโค้งสีแดงชื่อว่า “โซริฮาชิ (Sorihashi)” เป็นสะพานที่สร้างด้วยไม้ซึ่งมีความงดงามตามสไตล์สถาปัตยกรรมโบราณ และยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในวิวที่สวยที่สุดของภูมิภาคคันไซอีกด้วยค่ะ สำหรับการเดินทางมาที่ศาลเจ้า สามารถนั่งรถไฟสาย Nankai จากสถานี Nankai Namba มาลงที่สถานี Nankai Sumiyoshi Taisha นะคะ
สวนอนุสรณ์งานเอ็กซ์โป (Expo’70 Commemorative Park)
( แผนที่)
หากร่างกายกำลังต้องการความสดชื่น หลังจากที่ได้ตระเวนไปหลายที่ของเมืองโอซาก้าแล้ว และยังมีเวลาพอ…เราขอแนะนำ “สวนอนุสรณ์งานเอ็กซ์โป (Expo’70 Commemorative Park)” เป็นสวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่ที่เคยใช้เป็นสถานที่จัดงาน Japan World Exhibition ในปี ค.ศ. 1970 ถือว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ภายในสวนมีสัญลักษณ์ที่สำคัญเป็น “Tower of the Sun“ หรือที่คนไทยมักเรียกกันว่า “หอคอยพระอาทิตย์” ซึ่งเป็นผลงานศิลปะที่สร้างขึ้นโดยนายโอคาโม ทาโร่ (Okamoto Taro) ซึ่งเป็นศิลปินชื่อดังชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้บริเวณสวนยังประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์ สวนญี่ปุ่น รวมถึงซากุระนับพ้นต้น ซึ่งเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมของโอซาก้าในช่วงต้นเดือนเมษายน และยังมีสวนดอกไม้อีกนานาชนิด ๆ ที่หมุนเวียนกันบานตามฤดูกาล และใกล้ ๆ กับทางเข้าหลักของสวนก็ยังมี “Expocity” ซึ่งเป็นช้อปปิ้งมอลให้ได้แวะช้อปกันอีกด้วยค่ะ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวในโอซาก้าที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
สวนอนุสรณ์งานเอ็กซ์โปแห่งนี้อยู่ห่างจากใจกลางเมืองโอซาก้ามาเล็กน้อย สามารถเดินทางมาโดยรถไฟใต้ดินจากในเมืองมาลงที่สถานี Senri-Chuo แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Osaka Monorail มาลงที่สถานี Bampakukinenkoen ค่ะ
ส่งท้าย
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองโอซาก้าที่เราแนะนำ เช่น Umeda Sky Building, Tempozan Giant Ferris Wheel, Tennoji Zoo สามารถใช้ “Osaka Amazing Pass” เข้าได้ฟรีเลยค่ะ พาสนี้เป็นบัตรขึ้นรถไฟในเมืองโอซาก้าตามสายที่กำหนดได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว โดยมีให้เลือกแบบ 1 หรือ 2 วัน และยังมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์มากมายในการเข้าสถานที่ต่าง ๆ ได้ฟรีกว่า 35 แห่ง รวมถึงส่วนลดจากสถานที่และร้านค้าอีกมากมาย ใครที่จะมาเที่ยวโอซาก้าแนะนำให้ใช้พาสนี้เลยนะคะ
บทความท่องเที่ยวแนะนำ
- 20 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเกียวโต (Kyoto) ที่ต้องมา Check-in!
- 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนารา (Nara) ที่ต้องมา Check-in!
- ของฝากจากญี่ปุ่น ไปญี่ปุ่นซื้ออะไรดี?