Home เที่ยวญี่ปุ่นคันโต (Kanto) 12 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนิกโก (Nikko) ที่ต้องมา Check-in!
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนิกโก (Nikko)

12 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนิกโก (Nikko) ที่ต้องมา Check-in!

by Pikanoui
11068 views

นิกโก (Nikko) เป็นเมืองในจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) ในภูมิภาคคันโต (Kanto) และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงโตเกียว (Tokyo) โดยอยู่ไปทางทิศเหนือห่างไปประมาณ 140 กิโลเมตรเท่านั้นเองค่ะ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเยี่ยมชมที่นี่แบบ One Day Trip ได้เนื่องจากเดินทางง่ายและใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงจากเมืองหลวงด้วยรถไฟด่วนพิเศษที่วิ่งตรงจากสถานีหลักๆ ในโตเกียวอย่างสถานี Asakusa และ Shinjuku หรือจะนั่งชินคันเซ็นจากสถานี Tokyo แล้วมาต่อรถไฟธรรมดาก็ได้เช่นกันค่ะ

เมืองนิกโกถือได้ว่ามีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นและมีธรรมชาติอันงดงาม อีกทั้งยังมีวัดและศาลเจ้าที่ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย เมืองแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณกลางเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งใบไม้จะเปลี่ยนสีให้ทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ๆ จนติดอยู่ในลิสรายการที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินทางมาชมใบไม้เปลี่ยนสีเลยค่ะ

สำหรับการเดินทางภายในนิกโกนั้นจะใช้รถบัสเป็นหลักโดยมี Pass หรือตั๋วเหมาราคาประหยัดที่ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวให้เลือกกันหลายแบบหลายราคาตามความต้องการของนักท่องเที่ยวค่ะ

 

12 สถานที่ท่องเที่ยวในนิกโกที่ห้ามพลาด!

 

ศาลเจ้านิกโกโทโชงู (Nikko Toshogu Shrine)

( แผนที่)

ศาลเจ้านิกโกโทโชงู (Nikko Toshogu Shrine)

หนึ่งในมรดกโลกที่ใคร ๆ ก็ต้องอยากมาดูให้เห็นด้วยตา สถานที่อันสวยงามและยิ่งใหญ่กับ ศาลเจ้านิกโกโทโชงู (Nikko Toshogu Shrine)” ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1617 โดยท่านโชกุน Tokugawa Hidetada เพื่ออุทิศแด่ผู้เป็นบิดา คือ ท่านโชกุน Tokugawa Ieyasu ซึ่งนับว่าเป็นโชกุนคนแรกของต้นตระกูล Tokugawa ที่ยิ่งใหญ่และเรืองอำนาจด้านการปกครองญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 250 ปี

ศาลเจ้านิกโกโทโชงูสร้างโดยช่างฝีมือที่มีการระดมมากว่า 127,000 คน จึงทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้มีความงดงาม วิจิตรบรรจง โดยได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage Site) ในปี ค.ศ.1999 ปัจจุบันศาลเจ้าแห่งนี้ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมได้ ถือเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอย่างมากอีกแห่งหนึ่งของเมืองนิกโก

ภายในศาลเจ้านิกโกโทโชงูประกอบไปด้วยอาคารกว่า 40 หลัง รวมถึงโบราณวัตถุและสิ่งก่อสร้างอันล้ำค่าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ Gojunoto เจดีย์ 5 ชั้น ทาด้วยสีแดง ซึ่งมีความสูงอยู่ที่ 34 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น และซุ้มประตู Yomeimon Gate ที่ประดับตกแต่งด้วยบรรดาสิงห์และมังกรอย่างงดงาม รวมถึงภาพสลักปริศนาธรรม Sanzaru ที่เป็นรูปลิง 3 ตัวกำลังปิดหู ปิดปาก ปิดตาค่ะ

สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่ศาลเจ้านิกโกโทโชงูแห่งนี้ ให้เริ่มต้นจากสถานี Tobu หรือ JR Nikko จากนั้นให้นั่งรถบัสประมาณ 10 นาที เพื่อมาลงที่ป้าย หมายเลข 83 : Omotesando แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาทีเท่านั้นค่ะ

 

วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple)

( แผนที่)

วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple)

 

เมื่อมีโอกาสได้มาเยือนเมืองนิกโกแห่งนี้ หลายท่านก็คงอยากจะแวะมาสักการะและขอพรต่อสิ่งศักสิทธิ์ ณ วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple)” ถือเป็นอีกวัดหนึ่งที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงอย่างมากของเมืองนิกโก สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1648 นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะแวะเข้ามาไหว้พระขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกันเป็นจำนวนมาก

วัดรินโนจิสร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของท่าน Shodo Shonin ซึ่งเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่งที่เดินทางมาเผยแผ่ศาสนาพุทธในศตวรรษที่ 8 ภายในวัดแห่งนี้มีการออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปที่แกะสลักด้วยไม้ปิดทอง โดยมีความสูงอยู่ที่ 8 เมตร 3 องค์ ได้แก่ Amida Buddha (พระอมิตตาพุทธ), Senju Kannon (เจ้าแม่กวนอิมพันกร) และ Bato-Kannon (เทพคันนอนที่มีศีรษะเป็นม้า) ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารหลักของวัด (Sanbutsudo Hall)

ถัดจากอาคารหลักมาจะเป็นหอสมบัติอันล้ำค่า (Treasure House) ที่มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาให้ได้ศึกษากันค่ะ และใกล้ ๆ กันเป็นสวนญี่ปุ่นขนาดเล็ก (Shoyoen) สร้างขึ้นในสมัยเอโดะตอนต้น ที่ถูกออกแบบและจัดเรียงไว้อย่างสวยงาม ให้ความรู้สึกสบายกายสบายใจแก่ผู้ที่พบเห็น

สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่วัดแห่งนี้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก “ศาลเจ้านิกโกโทโชงู (Nikko Toshogu Shrine)โดยเดินต่อประมาณ 5 นาทีเท่านั้น หรือนั่งรถบัสมาลงที่ป้ายหมายเลข 82 : Shodo Shonin Zo Mae

หมายเหตุ

  • อาคารหลักของวัด (Sanbutsudo Hall) มีการปิดปรับปรุงและซ่อมแซมใหม่ โดยคาดว่าจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมอีกครั้งในช่วงเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 ค่ะ

ศาลเจ้าฟุตาระซัง (Futarasan Shrine)

( แผนที่)

ศาลเจ้าฟุตาระซัง (Futarasan Shrine)

 

นิกโกมีสิ่งก่อสร้างหลายแห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอย่าง ศาลเจ้าฟุตาระซัง (Futarasan Shrine)” เป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ใกล้กับ “ศาลเจ้านิกโกโทโชงู (Nikko Toshogu Shrine) ถือเป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 782 โดยท่าน Shodo Shonin ซึ่งเป็นพระสงฆ์องค์เดียวกับที่สร้าง “วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple) นั่นเองค่ะ นับว่าเป็นศาลเจ้าอีกแห่งที่มีความเก่าแก่และมีเสน่ห์อย่างมากของเมืองนิกโก

คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า ณ ที่แห่งนี้ยังมีเทพเจ้าสถิตอยู่บนยอดเขาสูง ศาลเจ้าฟุตาระซังได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสักการะบูชาแด่องค์เทพเจ้า 3 องค์ คือ คือ  Okuninushi, Tagorihime และ Ajisukitakahikone ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศญี่ปุ่นนั่นเองค่ะ ปัจจุบันศาลเจ้าฟูตาระซังแห่งนี้ได้รับการดูแลและบำรุงรักษาเพื่อให้คงสภาพเหมือนเดิมมากที่สุด ศาลเจ้าแห่งนี้มีเนื้อที่กว้างขวางพอสมควร บรรยากาศเงียบสงบ ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันงดงาม และยังเป็นสถานที่เก็บรักษาดาบสองเล่ม รวมถึงโบราณวัตถุอื่น ๆ ที่เป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเดินทางมากราบไหว้และขอพรในเรื่องของการให้โชคลาภและขอให้สมหวังในเรื่องของความรักกันค่ะ สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่ศาลเจ้าศาลเจ้าฟุตาระซังแห่งนี้ สามารถเลือกใช้บริการรถบัสจากสถานี Tobu Nikko หรือ JR Nikko มาลงที่ป้าย 85: Futarasan Jinja Mae ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้นค่ะ หรือจะเดินจาก “ศาลเจ้านิกโกโทโชงู (Nikko Toshogu Shrine) ก็ได้ค่ะ

 

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

( แผนที่)

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่บอกเลยว่าถ้าไม่แวะ ถือว่าพลาดอย่างแรงค่ะ!!! สำหรับสถานที่แห่งนี้ สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)” เป็นส่วนหนึ่งของ ศาลเจ้าฟุตาระซัง (Futarasan Shrine)”  ในอดีตเป็นสะพานที่เปิดให้ใช้เฉพาะเจ้านายชั้นสูงหรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้นค่ะ และต่อมาได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เมื่อปี ค.ศ. 1973 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสะพานที่มีความสวยงาม โดดเด่นไม่เหมือนใคร แถมยังติดอันดับ 1 ใน 3 ของสะพานที่สวยที่สุดของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

เอกลักษณ์อันโดดเด่นที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนมาแต่ไกลของสะพานแห่งนี้ คือ เป็นสะพานโค้งสีแดงสด ที่สร้างด้วยไม้ซึ่งมีเสาหินสำหรับรองรับน้ำหนัก ความยาวของสะพานนี้จะอยู่ที่ 28 เมตร กว้าง 7 เมตร ด้านล่างของสะพานจะเป็นแม่น้ำไดยะ (Daiya River) ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชื่นชมความงามของสะพานแดงชินเคียวแห่งนี้คือ ประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากเป็นช่วงฤดูที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ทำให้สะพานดูสวยงาม โดดเด่นไม่แพ้สะพานอื่น ๆ เลยอย่าง สะพานคินไตเกียว (Kintaikyo Bridge) ในจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) และสะพานซารุฮาชิ (Saruhashi Bridge) ในจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi)

สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่สะพานชินเคียวแห่งนี้ สามารถนั่งรถบัสจากสถานี Tobu Nikko หรือ JR Nikko เพื่อลงที่ป้ายหมายเลข 7 : Shinkyo โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งป้ายนี้จะอยู่ใกล้กับสถานีมากที่สุด หลายคนจึงนิยมลงแวะเที่ยวที่สะพานชินเคียวก่อนแล้วค่อยเดินไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอื่น ๆ ค่ะ

 

ทะเลสาบชูเซนจิ (Lake Chuzenji)

( แผนที่)

ทะเลสาบชูเซนจิ (Lake Chuzenji)

สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของเมืองนิกโกที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักท่องเที่ยวนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากมีความสวยงาม มีเสน่ห์ และน่าหลงใหลอย่าง ทะเลสาบชูเซนจิ (Lake Chuzenji)” เป็นทะเลสาบที่มีทิวทัศน์อันสวยงามท่ามกลางภูเขาล้อมรอบ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองนิกโก

เดิมทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟนันไต (Mount Nantai) ซึ่งเป็นภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของนิกโกที่ได้เกิดการปะทุขึ้นเมื่อประมาณ 20,000 กว่าปีที่แล้ว ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเลสาบ น้ำตก และบ่อออนเซ็น ที่อยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับทะเลสาบแห่งนี้ค่ะ

นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศอันแสนงดงามของวิวทิวทัศน์โดยการล่องเรือไปรอบ ๆ ทะเลสาบชูเซนจิแห่งนี้ และชื่นชมสีสันอันแปลกตาของใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด คือ ช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั่นเองค่ะ จะเห็นได้ว่าต้นไม้ที่ขึ้นอยู่บริเวณรอบ ๆ ริมทะเลสาบแห่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นต้นเมเปิ้ลและต้นโอ๊คค่ะ หรือใครที่ชอบการเดินป่าเพื่อศึกษาธรรมชาติ ที่นี่ก็มีเส้นทางให้เดินสำรวจซึ่งมีระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่ทะเลสาบชูเซนจิแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการรถบัสจากสถานี Tobu Nikko หรือ JR Nikko ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 50 นาที เพื่อมาลงที่ป้ายหมายเลข 26 : Chuzenjiko Onsen ค่ะ

 

น้ำตกเคงอน (Kegon Waterfall)

( แผนที่)

น้ำตกเคงอน (Kegon Waterfall)

มาเที่ยวนิกโกทั้งที…สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยอีกอย่างก็คือ การได้มายืนชมความสวยงาม และความยิ่งใหญ่อลังการของ น้ำตกเคงอน (Kegon Waterfall)” เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงอันโด่งดังที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเมืองนิกโกเลยก็ว่าได้ค่ะ โดยตั้งอยู่ใกล้กับ “ทะเลสาบชูเซนจิ (Lake Chuzenji) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดมาจากแม่น้ำโอจิริ (Oshiri River) ที่ไหลผ่านลงมาจากหน้าผาอันสูงชั้น โดยมีความสูงประมาณ 100 เมตร และที่นี่ก็มีจุดชมวิวของน้ำตกให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาชมฟรีกันได้ค่ะ แต่ถ้าอยากจะเห็นน้ำตกกันแบบใกล้ชิดเลยก็จะต้องเสียค่าเข้าชมค่ะ โดยลงไปที่ด้านล่างของน้ำตกด้วยลิฟต์อีก 100 เมตรค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง แถมคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปอย่างแน่นอน

น้ำตกเคงอนแห่งนี้ถูกยกให้เป็น 1 ใน 3 ของน้ำตกที่มีความสวยงามติดอันดับของประเทศญี่ปุ่นมาแล้วด้วยค่ะ และที่สำคัญคือน้ำตกแห่งนี้ยังกลายเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนตุลาคมค่ะ เพราะใบไม้บริเวณรอบ ๆ น้ำตกจะเปลี่ยนเป็นสีส้มและสีแดง มีสีสันสดใส ทำให้น้ำตกเคงอนแห่งนี้ดูงดงามราวกับภาพวาดทีเดียว

คนที่จะมาเที่ยวที่น้ำตกเคงอนแห่งนี้ สามารถเดินมาจาก “ทะเลสาบชูเซนจิ (Lake Chuzenji)ได้เลยค่ะ หรือนั่งรถบัสจากสถานี Tobu Nikko หรือ JR Nikko เพื่อมาลงที่ป้ายหมายเลข 26 : Chuzenjiko Onsen

 

กระเช้าลอยฟ้าอะเคจิไดระ (Akechidaira Ropeway)

( แผนที่)

กระเช้าลอยฟ้าอะเคจิไดระ (Akechidaira Ropeway)

กิจกรรมที่แนะนำสำหรับคนที่อยากชมวิวธรรมชาติแบบมุมสูงพร้อมซึมซับบรรยากาศโดยนั้นก็คือ การนั่ง กระเช้าลอยฟ้าอะเคจิไดระ (Akechidaira Ropeway)” ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางสำคัญที่นักท่องเที่ยวใช้ในการชมใบไม้เปลี่ยนสี รวมถึงบรรยากาศโดยรอบที่เป็นหุบเขา ป่าไม้ น้ำตก และธรรมชาติอันงดงามของนิกโกให้ได้ดูกันแบบพาโนรามากันเลยทีเดียว

นักท่องเที่ยวจะใช้ระยะเวลาอยู่บนกระเช้าลอยฟ้าทั้งหมดประมาณ 3 นาทีก็ถึงยอดเขาที่มีความสูงประมาณ 1,373 เมตรค่ะ ที่สำคัญเราสามารถมองเห็นแลนด์มาร์คสำคัญของนิกโก อย่างเช่น ทะเลสาบชูเซนจิ (Lake Chuzenji), น้ำตกเคงอน (Kegon Waterfall) และภูเขาไฟนันไต (Mount Nantai) ได้แบบครบถ้วนกันเลยทีเดียว

สำหรับการเดินทางมาขึ้นกระเช้าลอยฟ้าอะเคจิไดระนี้ รถบัสจะแวะจอดที่จุดขึ้นกระเช้าซึ่งก็คือป้ายหมายเลข 24 : Akechidaira เฉพาะขาไป (ที่มาจากสถานี Tobu Nikko หรือ JR Nikko) เท่านั้นนะคะ เนื่องจากว่าถนนเส้นนี้จะเป็นทางแบบ One-Way แถมคดเคี้ยวเหมือนงูเลื้อยอีกต่างหาก และส่วนขากลับก็จะลงอีกเส้นทางค่ะ แนะนำว่าให้แวะเที่ยวที่นี่ก่อนที่จะมาเที่ยวบริเวณ “ทะเลสาบชูเซนจิ (Lake Chuzenji)ค่ะ

 

น้ำตกริวซู (Ryuzu Waterfall)

( แผนที่)

น้ำตกริวซู (Ryuzu Waterfall)

 

อีกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางธรรมชาติที่อยากจะแนะนำในนิกโกนั้นคือ น้ำตกริวซู (Ryuzu Waterfall)” เป็นชื่อที่มีความหมายในภาษาญี่ปุ่นว่า “น้ำตกหัวมังกร” เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ในบริเวณแม่น้ำยคาวะ (Yukawa River) ที่ไหลลงสู่“ทะเลสาบชูเซนจิ (Lake Chuzenji)โดยความสูงของน้ำตกแห่งนี้อยู่ที่ 210 เมตรค่ะ

บริเวณโดยรอบของน้ำตกริวซูนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงต้นเดือนตุลาคม – กลางเดือนของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จะทำให้น้ำตกแห่งนี้มีความสวยงามมากกว่าปกติ และกลายเป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว  ส่วนบริเวณใกล้ ๆ กับน้ำตกก็เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านจำหน่ายของที่ระลึกมากมาย

เมื่อเดินขึ้นไปที่น้ำตกจะพบกับสะพานทอดยาวท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามที่เป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และหลายคนก็ไม่พลาดที่จะแวะถ่ายรูปกันตามประสานักท่องเที่ยวกันเลยค่ะ สำหรับการเดินทางมาที่นี่ก็ให้นั่งรถบัสมาลงที่ป้ายหมายเลข 37 : Ryuzu no Taki โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 50 – 60 นาทีจากสถานี Tobu Nikko หรือ JR Nikko ค่ะ

 

ยูโมโตะออนเซ็น (Yumoto Onsen)

( แผนที่)

ยูโมโตะออนเซ็น (Yumoto Onsen)

มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งที…อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเลยนั่นคือ วัฒนธรรมการอาบน้ำแร่…แช่ออนเซ็น ซึ่งคนญี่ปุ่นนิยมกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเมืองมรดกโลกอย่างนิกโกก็มีแหล่งออนเซ็นอยู่หลายแห่งที่ได้รับความนิยมอย่าง ยูโมโตะออนเซน (Yumoto Onsen)” เมืองน้ำพุร้อนที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยบงาม และเงียบสงบ เนื่องจากโดยรอบนั้นมีทะเลสาบยูโนะโกะ (Lake Yunoko) และยังห้อมล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ของภูเขาชิราเนะ (Mount Shirane), ภูเขานันไต (Mount Nantai) และภูเขาเนียวโฮ (Mount Nyoho)

น้ำพุร้อนของที่นี่จะมีลักษณะเป็นสีขาวคล้ายกับสีน้ำนมเนื่องจากมีสารซัลเฟอร์ ซึ่งไม่ทำอันตรายต่อผิวหนังค่ะ ว่ากันว่าใครที่มีโอกาสได้มาแช่ออนเซ็นที่นี่จะทำให้ผิวเนียนสวยขึ้น และสามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้อีกด้วย นักท่องเที่ยวจึงมักเดินทางมาแช่ออนเซ็นที่นี่กันหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการเล่นสกีหรือมาผ่อนคลายหลังจากเดินเที่ยวมาทั้งวัน ซึ่งที่พักในเมืองแห่งนี้แทบทุกที่ก็มีบ่อออนเซ็นไว้คอยบริการลูกค้าค่ะ

สำหรับการเดินทางมาที่ยูโมโตะออนเซ็น นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถบัสจากสถานี Tobu Nikko หรือ JR Nikko มาลงที่ป้ายหมายเลข 46 : Yumoto Onsen ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 80 นาทีค่ะ

 

คินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen)

( แผนที่)

คินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen)

 

อีกหนึ่งออนเซ็นยอดนิยมในนิกโกอย่าง คินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen)” สถานที่อันเลื่องชื่อที่ใคร ๆ ก็อยากจะมาสัมผัส ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคินุกาวะ (Kinugawa River) ซึ่งไหลผ่านเมืองนิกโก ปัจจุบันเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยที่พัก โรงแรม แหล่งบันเทิง นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนที่นี่เนื่องจากห้องพักและโรงแรมราคาค่อนข้างถูกแต่ได้วิวหลักล้านก็ว่าได้ค่ะ แถมอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย รับรองว่าคุ้มสุดๆ

ว่ากันว่าการได้มาแช่ออนเซ็นที่เมืองแห่งนี้จะทำให้ผิวพรรณดูสดใส เปล่งปลั่ง เนื่องจากน้ำในบ่อมีคุณสมบัติเป็นด่างสีใส เต็มไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ ๆ และอ่อนโยนต่อผิว แถมหลายคนยังบอกอีกว่าช่วยในเรื่องของการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าทางด้านร่างกายและลดความเครียดได้อีกด้วยค่ะ

สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่คินุกาวะออนเซ็นนั้นก็สะดวกเลยค่ะ ถ้ามาจากสถานี Tobu Nikko ให้นั่งรถบัสหรือรถไฟมาลงที่สถานี Kinukawa Onsen โดยใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ถ้าหากมาจากโตเกียวก็มีรถด่วนพิเศษต่อเดียวจากสถานี Asakusa และ Shinjuku ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจะนั่งรถไฟธรรมดามาเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Shimo-imachi เพื่อไปลงที่สถานี Kinukawa Onsen ก็ได้ค่ะ

โทบุเวิร์ดสแควร์ (Tobu World Square)

( แผนที่)

หลังจากที่ได้แวะเวียนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ภายในเมืองนิกโกกันแล้ว…แต่ก็ยังมีอีกสถานที่ที่น่าสนใจซึ่งอยากจะแนะนำนักท่องเที่ยวให้ได้มาสัมผัสกับ โทบุเวิร์ดสแควร์ (Tobu World Square)” เมืองจำลองขนาดใหญ่ที่ใกล้กับ คินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen)”

เมืองจำลองโทบุเวิร์ดสแควร์เปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมเมื่อตั้งแต่ ค.ศ. 1993 ภายในมีพื้นที่ขนาด 7.65 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารสถานที่ชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลก โดยคัดจาก 21 ประเทศที่เด่น ๆ มาไว้ที่นี่ ทั้งการจำลองสถานที่สำคัญ ๆ ทางด้านประวัติศาสตร์ มรดกโลก และวัฒนธรรม โดยมีสัดส่วนขนาดเล็กกว่าของจริงขนาด 1 ใน 25 ค่ะ

ภายในเมืองจำลองแห่งนี้แบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น สถานที่สำคัญในโซนเอเชีย สถานที่สำคัญในโซนยุโรปสถานที่สำคัญในโซนอียิปต์ สถานที่สำคัญในโซนอเมริกา และสถาปัตยกรรมชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรวมไปถึงร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านจำหน่ายของที่ระลึก ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วยนะคะ

สำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยวที่โทบุเวิร์ดสแควร์แห่งนี้ หากเริ่มต้นจากสถานี Kinugawa Onsen นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถบัส Tobu Bus ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 5 นาที หรือนั่งรถไฟจากโตเกียวมาลงที่สถานี Tobu World Square ได้เลยค่ะ

 

เอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก เอโดะมุระ (EDO WONDERLAND Nikko Edomura)

( แผนที่)

สวนสนุกยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายที่มาในธีมประวัติศาสตร์ นั่นคือ เอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก เอโดะมุระ (EDO WONDERLAND Nikko Edomura)” เป็นหมู่บ้านโบราณที่มีการจำลองสถานการณ์ให้เหมือนว่าได้หลงเข้าไปสู่ยุคเอโดะหรือประมาณ 400 กว่าปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ อาคารบ้านเรือน การแต่งกาย ผู้คน และยังรวมไปถึงเหล่านินจา ซามูไร ที่เดินให้เห็นกันอยู่ตามท้องถนน และที่นี่ก็ยังมีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกกันตลอดทั้งวันค่ะ

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวก็จะได้พบกับการแสดงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขบวนแห่สุดอลังการจากหญิงคณิกาโออิรันในชุดกิโมโนอันสวยงามไปตามสถานที่ต่าง ๆ แถมยังมีการแสดงของเหล่านินจาและซามูไรอันน่าตื่นเต้นให้ได้ชมกัน และที่สำคัญกว่านั้นเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้คือ การแต่งกายย้อนยุคด้วยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่าง ๆ ที อยู่ในยุคเอโดะ ซึ่งจะช่วยให้ดูกลมกลืมกันอย่างสวยงามค่ะ

เรียกว่าเพลิดเพลินกันได้ตลอดทั้งวันไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ที่มากันเป็นคู่ หรือมากันทั้งครอบครัว สำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยวที่เอโดะ วันเดอร์แลนด์ แห่งนี้ หากเริ่มต้นจากสถานี Kinugawa Onsen ให้นั่งรถบัส Tobu Bus ไปลงที่ Nikko Edomura ซึ่งจะใช้ระยะเวลาเพียง 5 นาทีค่ะ หากมาจากนิกโกก็มีรถบัสฟรีจาก Fujiya Kanko Center (Nikko Tosho-gu Mae) ด้วยนะคะ

ส่งท้าย

สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนิกโกนอกจากมรดกโลกอย่างวัดและศาลเจ้าแล้ว ก็ยังมีที่เที่ยวทางธรรมชาติ รวมถึงออนเซ็นและสวนสนุก เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนได้ทั้งครอบครัว สำหรับคนที่จะมาเที่ยวช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ก็อาจจะต้องเผื่อเวลาหน่อย เพราะว่าการจราจรค่อนข้างจะติดขัด เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมาเยือนกันเป็นจำนวนมากค่ะ

แหล่งท่องเที่ยวรอบโตเกียว

บทความที่เกี่ยวข้อง