Home เที่ยวญี่ปุ่น 15 แหล่งออนเซ็นยอดนิยมในญี่ปุ่น พร้อมวิธีการแช่ออนเซ็นที่ถูกต้อง
แหล่งออนเซ็นยอดนิยมในญี่ปุ่น

15 แหล่งออนเซ็นยอดนิยมในญี่ปุ่น พร้อมวิธีการแช่ออนเซ็นที่ถูกต้อง

by Japan Check-in!
8165 views

ออนเซ็นในญี่ปุ่น คือ บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เกิดจากภูเขาไฟ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นมีภูเขาไฟคุกรุ่นจำนวนมากจึงมีแหล่งออนเซ็นมากมายตามมาด้วย การแช่ออนเซ็นเป็นวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมานานของชาวญี่ปุ่น เนื่องจากน้ำพุร้อนธรรมชาตินั้นมีแร่ธาตุจากธรรมชาติที่เป็นประโยชน์อยู่มาก มีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคต่าง ๆ เช่น ช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง รวมไปถึงช่วยรักษาโรคผิวหนังและหลอดเลือดต่าง ๆ โดยออนเซ็นแต่ละแห่งก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป

นอกจากนี้แล้ว เมืองที่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนยังมีทิวทัศน์สวยงามและจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น อาคารบ้านเรือนที่มีความดั้งเดิม การเข้าพักในเรียวกังเพื่อแช่บ่อน้ำพุร้อนจึงเป็นที่นิยมไปถึงชาวต่างชาติ วันนี้เราจะพาไปสำรวจแหล่งออนเซ็นยอดนิยมของญี่ปุ่นโดยไล่มาจากทางเหนือลงไปยังทางใต้ของเกาะญี่ปุ่นกันค่ะ

15 แหล่งออนเซ็นที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น

โนโบริเบทสึ ออนเซ็น (Noboribetsu Onsen) – จังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido)

( แผนที่)

โนโบริเบทสึ ออนเซ็น (Noboribetsu Onsen)

เมืองโนโบริเบทสึ (Noboribetsu) เป็นเมืองเล็ก ๆ กลางหุบเขาบนเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งบ่อน้ำพุเพราะมีให้เลือกแช่แตกต่างกันถึง 11 ชนิด โดยมีแหล่งกำเนิดอยู่ที่หุบเขาจิโกคุดานิ (Jigokudani) หรือ หุบเขานรก ซึ่งมีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติและบ่อโคลนกระจายอยู่ทั่ว และมีไอกำมะถันพวยพุ่งจนชาวบ้านเชื่อว่าที่นี่เป็นประตูนรก ทางขึ้นหุบเขาจึงมีรูปปั้นยักษ์สีแดงและน้ำเงินถือตระบองชื่อ “ยูคิจิน (Yukijin)” ซึ่งเป็นยักษ์ที่คอยคุ้มครองผู้คนยืนต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่

หากอยากสัมผัสกับงานเทศกาลท้องถิ่น ให้มาในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม จะพบกับเทศกาล Onibi no Michi แปลว่า “ทางเดินแห่งไฟของปีศาจ” ซึ่งจะมีการประดับไฟตามทางเดินและมีดอกไม้ไฟให้ชมโดยรอบหุบเขาค่ะ


นิวโต ออนเซ็น (Nyuto Onsen) – จังหวัดอาคิตะ (Akita)

( แผนที่)

นิวโต ออนเซ็น (Nyuto Onsen)

นิวโต ออนเซ็น (Nyuto Onsen) เป็นแหล่งออนเซ็นที่อุทยานแห่งชาติโทวาดะฮาจิมันไต (Towada-Hachimantai National Park) ของจังหวัดอาคิตะ (Akita) ภายในมีที่พักเป็นเรียวกังไม้เก่าแก่ติดออนเซ็นทั้งหมดถึง 7 แห่ง บางแห่งเปิดทำการมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ซึ่งมีอายุนับร้อยปี และแต่ละแห่งจะทำให้ได้สัมผัสกับน้ำร้อนที่แตกต่างกันไป ถ้าไปในฤดูหนาวและเลือกแช่น้ำพุร้อนกลางแจ้ง จะสามารถชื่นชมกับภูมิประเทศที่ปกคลุมไปด้วยหิมะไปพร้อม ๆ กับการแช่น้ำร้อนค่ะ

ออนเซ็นของที่นี่มีจุดเด่นคือมีสีขุ่นเหมือนน้ำนม เนื่องจากมีส่วนประกอบเป็นกำมะถัน แคลเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคผิวหนังและช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้นอีกด้วยค่ะ


กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen) – จังหวัดยามากะตะ (Yamagata)

( แผนที่)

กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen)

กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen) แต่เดิมเป็นเหมืองแร่เงิน ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่มีเรียวกังไม้เรียงรายสองข้างทางของแม่น้ำ ตั้งอยู่ที่จังหวัดยามากาตะ (Yamagata) บ้านเรือนเป็นอาคารไม้ที่มีผนังเป็นปูนสีขาวสะอาด สูงประมาณ 3 – 4 ชั้น แต่ละหลังมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับความงามของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมท่ามกลางธรรมชาติ และที่นี่ยังเป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำซีรีส์ชื่อดังอย่าง “โอชิน” อีกด้วยนะคะ

จุดเด่นของน้ำร้อนของที่กินซัน ออนเซ็นคือน้ำใส มีแร่กำมะถันและมีรสเค็มเล็กน้อย กลิ่นฉุนไม่มากนัก มีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผล โรคผิวหนัง และโรคหลอดเลือดแข็งค่ะ


คินุกาวะ ออนเซ็น (Kinugawa Onsen) – จังหวัดโทชิงิ (Tochigi)

( แผนที่)

คินุกาวะ ออนเซ็น (Kinugawa Onsen)

แหล่งออนเซ็นที่ตั้งอยู่ต้นแม่น้ำคินุกาวะ (Kinugawa) ที่เมืองนิกโก้ (Nikko) จังหวัดโทชิงิ (Tochigi) ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย และเป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามของแม่น้ำและหุบเขาลึก จึงเป็นแหล่งออนเซ็นยอดนิยมอีกแห่งของนักท่องเที่ยว นอกจากแช่น้ำร้อนผ่อนคลายแล้ว สามารถเที่ยวชม ศาลเจ้านิกโก้โทชกุ (Nikko Toshogu Shrine) ซึ่งได้รับจดทะเบียนเป็นมรดกโลก และสถานที่สำคัญอื่น ๆ อีกมากมายเลยค่ะ

ความโดดเด่นของคินุกาวะ ออนเซ็น คือ น้ำร้อนจะมีคุณสมบัติเป็นด่าง สีใส อ่อนโยนและดีต่อสุขภาพผิว มีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าและความเครียด เหมาะแก่การแช่ก่อนนอนหลังจากไปเที่ยวมาทั้งวันค่ะ


ทาคารากาวะ ออนเซ็น (Takaragawa Onsen) – จังหวัดกุนมะ (Gunma)

( แผนที่)

ทาคารากาวะ ออนเซ็น (Takaragawa Onsen)

ทาคารากาวะ ออนเซ็น (Takaragawa Onsen)  เป็นออนเซ็นกลางแจ้งของจังหวัดกุนมะ (Gunma) ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขาและมีแหล่งน้ำพุร้อนมากกว่า 12 แห่ง โดยเรียวกังที่มีชื่อคือ เรียวกังทาคารากาวะ ออนเซ็น โอเซ็นคาคุ (Takaragawa Onsen Osenkaku) ซึ่งเป็นเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม น้ำพุร้อนมีต้นน้ำมาจากแม่น้ำโทเนกาวะ (Tonegawa) ทำให้เป็นออนเซ็นที่เป็นกระแสน้ำร้อนหมุนเวียนจากธรรมชาติ ดีทั้งต่อผิวพรรณและสุขภาพ และขึ้นชื่อเรื่องรักษาอาการเจ็บป่วยตั้งแต่ในอดีตทีเดียวค่ะ

การแช่ออนเซ็นกลางแจ้งของที่นี่มีบ่อรวมชายหญิงแบบที่หาได้ยากในปัจจุบันด้วยค่ะ หากสาว ๆ อายล่ะก็ที่นี่มีชุดให้ใส่เพื่อลงแช่ นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำร้อนที่แยกสำหรับผู้หญิงต่างหากไปเลย ระหว่างแช่ก็สามารถชมธรรมชาติได้อย่างเพลิดเพลิน โดยจะแตกต่างกันไปในแต่ฤดู ซึ่งทุกฤดูงดงามไม่แพ้กันเลยนะคะ


คุซัทสึ ออนเซ็น (Kusatsu Onsen) – จังหวัดกุนมะ (Gunma)

( แผนที่)

คุซัทสึ ออนเซ็น (Kusatsu Onsen)

คุซัทสึ (Kusatsu) เป็น 1 ใน 3 เมืองสุดยอดออนเซ็นของญี่ปุ่น อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว สามารถมาเที่ยวออนเซ็นแบบวันเดย์ทริปหรือจะค้างคืนที่เรียวกังก็ได้ค่ะ สัญลักษณ์สำคัญของเมืองคือยูบาตาเกะ (Yubatake) ที่เป็นแหล่งกำเนิดน้ำพุร้อน มีลักษณะเป็นบ่อออนเซ็นขนาดใหญ่ เรียวกังหลายแห่งจะใช้น้ำแร่จากที่นี่ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการบำบัดรักษาโรค เพราะมีฤทธิ์เป็นกรดที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อย่างดีค่ะ

นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น อย่าง สวนไซโนะคาวาระ (Sainokawara Park) ที่เป็นสวนกลางหุบเขา มีบ่อน้ำพุร้อนสาธารณะกลางแจ้งขนาดใหญ่อยู่ภายในสวน และมีจุดให้จุ่มเท้าลงในออนเซ็นเพื่อผ่อนคลายด้วยนะคะ


ฮาโกเน่ ออนเซ็น (Hakone Onsen) – จังหวัดคานากาว่า (Kanagawa)

( แผนที่)

ฮาโกเน่ ออนเซ็น (Hakone Onsen)

หากต้องการแช่ออนเซ็นไปด้วย ชมวิวภูเขาไฟฟูจิไปด้วย ก็ต้องมาที่ฮาโกเน่ ออนเซ็น (Hakone Onsen) ในจังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) เลยค่ะ ซึ่งฮาโกเน่เป็นแหล่งออนเซ็นยอดนิยม และมีบ่อน้ำร้อนที่มีสรรพคุณหลากหลาย เนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งภูเขาไฟนั่นเองค่ะ

ชนิดของออนเซ็นในฮาโกเน่เองก็มีเยอะจนอาจจะเลือกไม่ถูก ด้วยสรรพคุณที่หลากหลายช่วยรักษาและบำบัดโรคต่าง ๆ เช่น แบบธรรมดาที่ช่วยรักษาโรคนอนไม่หลับ แบบไอออนที่ช่วยรักษาบาดแผลและระบบหมุนเวียนเลือด แบบเกลือหรือเน็ตสึโนะยุที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น และยังมีออนเซ็นอื่น ๆ อีกมากมายที่คุณสมบัติแตกต่างกันไป จนต้องขอแนะนำให้มาลองด้วยตนเองสักครั้งค่ะ


ชิบุ ออนเซ็น (Shibu Onsen) – จังหวัดนากาโน่ (Nagano)

( แผนที่)

ชิบุ ออนเซ็น (Shibu Onsen)

ชิบุ ออนเซ็น (Shibu Onsen) ตั้งอยู่ที่จังหวัดนากาโน่ (Nagano) เป็นเมืองที่มีถนนหินเส้นเล็กๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยเรียวกังไม้แบบดั้งเดิม เหมาะแก่การใส่ชุดยูกาตะเพื่อเที่ยวชมเมืองและออนเซ็นต่างๆ มากทีเดียวค่ะ ในเมืองมีร้านค้ามากมายและร้านขายของที่ระลึกที่มีของที่ระลึกขึ้นชื่ออย่างออนเซ็นมันจู หรือซาลาเปาไส่ถั่วแดงนึ่งด้วยน้ำพุร้อน ร้านถ่ายรูป หรือแม้กระทั่งเกมเซนเตอร์ก็มีค่ะ

กิจกรรมที่ควรทำอย่างยิ่งเมื่อมาถึงชิบุ ออนเซ็นคือ “ทัวร์ออนเซ็น 9 แห่ง” ซึ่งมีชื่อเสียงมาก โดยเมื่อเข้าแช่ออนเซ็นแต่ละแห่งจะได้รับการประทับตราบนผ้าเทนุกุอิ (Tenugui) ถ้าสะสมครบ 9 แห่ง เชื่อว่าจะมีโชคดี และอายุยืนยาวค่ะ


เกโระ ออนเซ็น (Gero Onsen) – จังหวัดกิฟุ (Gifu)

( แผนที่)

เกโระ ออนเซ็น (Gero Onsen)

เกโระ ออนเซ็น (Gero Onsen) เป็น 1 ใน 3 แหล่งออนเซ็นขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮิดะ (Hida-gawa) ในเมืองเกโระ (Gero) ของจังหวัดกิฟุ (Gifu) และสามารถเดินทางมาได้สะดวกจากเมืองนาโกย่า (Nagoya) นักท่องเที่ยวสามารถรับชมทัศนียภาพของป่าไม้และแม่น้ำระหว่างที่แช่น้ำในออนเซ็นกลางแจ้ง หากอยากสัมผัสเทศกาลท้องถิ่นก็มีเทศกาลอย่าง ทาโนะคามิมัตสึริ (Tanokami Matsuri) ในเดือนกุมภาพันธ์ และ เกโระออนเซ็นมัตสึริ (Gero Onsen Matsuri) ในเดือนสิงหาคมค่ะ

น้ำพุร้อนของที่นี่มีคุณสมบัติเป็นด่าง สีใส จึงอ่อนโยนต่อผิว และมีสรรพคุณช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น ฟื้นฟูความเหนื่อยล้า และบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งนุ่มเนียน จนได้รับขนานนามว่า “ออนเซ็นแห่งความงาม” เลยทีเดียวค่ะ


อะริมะ ออนเซ็น (Arima Onsen) – จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo)

( แผนที่)

อะริมะ ออนเซ็น (Arima Onsen)

อะริมะ ออนเซ็น (Arima Onsen) เป็นหนึ่งในแหล่งออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และพิเศษกว่าแห่งอื่น ๆ คือน้ำแร่ที่ออนเซ็นนี้มาจากทะเลลึกซึ่งหายากมากค่ะ น้ำแร่อุดมไปด้วยแร่ธาตุถึง 7 ชนิดภายในบ่อเดียวและมีคุณสมบัติช่วยในการรักษาโรค อะริมะ ออนเซ็น จึงติดอันดับ 1 ใน 3 ออนเซ็นที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น มีเรียวกังเปิดให้บริการในย่านนี้ถึง 30 แห่ง

บ่อน้ำร้อนของอะริมะ ออนเซ็น มีให้เลือกแช่ด้วยกัน 3 แบบ คือ บ่อน้ำพุร้อนสีทอง ที่มีน้ำแร่สีทองออกน้ำตาลแดง มีธาตุเหล็กและเกลือผสมอยู่ และบ่อน้ำพุร้อนสีเงิน ซึ่งแยกย่อยเป็นอีกสองแบบ แบบแรกมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผสมอยู่มาก ส่วนอีกแบบคือมีเรเดียมอ่อน ๆ ผสมอยู่ ซึ่งแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคแตกต่างกันไปค่ะ


คิโนะซากิ ออนเซ็น (Kinosaki Onsen) – จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo)

( แผนที่)

คิโนะซากิ ออนเซ็น (Kinosaki Onsen)

คิโนะซากิ ออนเซ็น (Kinosaki Onsen) แหล่งออนเซ็นชื่อดังแถบภูมิภาคคันไซ (Kansai) ตั้งอยู่ที่ จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) เป็นอีกแห่งที่เหมาะแก่การใส่ชุดยูกาตะเดินเที่ยวในเมืองและเป็นที่นิยมของวัยรุ่น เพราะตัวเมืองเป็นอาคารไม้เก่าแก่ ทั้งร้านค้าและเรียวกัง ตั้งเลียบคลองโอตานิที่มีต้นหลิวขนาบสองข้าง

นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่อีกแห่งที่ขึ้นชื่อเรื่องการทัวร์ออนเซ็น เพราะแขกที่เข้าพักเรียวกังในคิโนซากิ จะได้รับตั๋วเข้าใช้ออนเซ็นชื่อดัง 7 แห่ง ได้ฟรีไม่จำกัดครั้งอีกด้วยค่ะ


โดโกะ ออนเซ็น (Dogo Onsen) – จังหวัดเอะฮิเมะ (Ehime)

( แผนที่)

โดโกะ ออนเซ็น (Dogo Onsen)

โดโกะ ออนเซ็น (Dogo Onsen) เป็น 1 ใน 3 ออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่จังหวัดเอะฮิเมะ (Ehime) เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น ปรากฏในงานเขียนเรื่อง“บตจัง” ของนัตสึเมะ โซเซกิ นักเขียนนวนิยายชื่อดังในช่วงศตวรรษที่ 20 จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า “บ่อน้ำร้อนบตจังยุ” ค่ะ ตัวอาคารของที่นี่สร้างขึ้นจากไม้ มี 3 ชั้น อาคารหลักมีการตีกลองไทโกะแจ้งเวลาเปิดทุกวันตอน 6 โมงเช้า ส่วนยอดของอาคารเป็น ชินโรคาคุ (shinrokaku) ซึ่งมีรูปปั้นนกอินทรีสีขาวอยู่ด้านบน

โดโกะ ออนเซ็น เป็นน้ำพุร้อนแอลคาไล ที่อ่อนโยนทั้งต่อเด็กและผู้สูงอายุ ดีต่อผิวพรรณ ฟื้นฟูความเหนื่อยล้า ผ่อนคลายความเครียด และทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้นค่ะ


คุโรคาวะ ออนเซ็น (Kurokawa Onsen) – จังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto)

( แผนที่)

คุโรคาวะ ออนเซ็น (Kurokawa Onsen)

คุโรคาวะ ออนเซ็น (Kurokawa Onsen) ตั้งอยู่ในจังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto) กลางภูมิภาคคิวชู (Kyushu) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น  ที่นี่เป็นแหล่งออนเซ็นที่มีอายุมากกว่า 300 ปี โอบล้อมด้วยความงดงามของหุบเขาและแม่น้ำ เรียวกังแต่ละแห่งยังคงความเก่าแก่แบบดั้งเดิม อาคารรวมถึงทางเดินต่าง ๆ ก็สร้างจากไม้และหิน นอกจากเดินเที่ยวชมเมืองที่มีเจ้าหมี คุมะมง (Kumamon) เป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองแล้ว เราก็สามารถชมวิวของธรรมชาติในคุมาโมโตะจากออนเซ็นกลางแจ้งได้เลยค่ะ

คุโรคาวะ ออนเซ็น มีบ่อน้ำพุร้อนทั้งหมด 6 ประเภทด้วยกันค่ะ ซึ่งเราจะเห็นน้ำร้อนแต่ละประเภทเปลี่ยนแปลงสีตามเวลาด้วยค่ะ โดยแต่ละแบบก็มีสรรพคุณแตกต่างกันไป เช่น ออนเซ็นกำมะถันซึ่งมีคุณสมบัติช่วยขับสารพิษ เป็นต้น


ยุฟุอิน ออนเซ็น (Yufuin Onsen) – จังหวัดโออิตะ (Oita)

( แผนที่)

ยุฟุอิน ออนเซ็น (Yufuin Onsen)

สำหรับออนเซ็นที่ได้รับความนิยมในหมู่สาว ๆ แล้ว ก็ต้องยกให้ ยุฟุอิน ออนเซ็น (Yufuin Onsen) ที่อยู่ในเมืองยุฟุ (Yufu) ของจังหวัดโออิตะ (Oita) เพราะเป็นแหล่งออนเซ็นกลางแจ้งที่ดูปลอดโปร่ง โล่งกว้าง และมีภูเขาไฟเป็นทิวทัศน์เบื้องหลังให้รับชมระหว่างแช่น้ำเพลิน ๆ ด้วยค่ะ นอกจากนี้ที่ยุฟุอินก็ยังมีหมู่บ้านดอกไม้ Yufuin Floral Village ที่มุมถ่ายรูปสวยๆ รับรองว่าสาวๆ จะต้องชอบแน่นอน ส่วนในบริเวณเรียวกังก็จะมีร้านค้าและร้านอาหารอยู่ทั่วไปทอดยาวมาตั้งแต่สถานีรถไฟ ทำให้สะดวกสบายมากค่ะ

ยุฟุอิน ออนเซ็น เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่อุดมสมบูรณ์และมีอัตราไหลของน้ำมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น ส่วนน้ำพุร้อนของยุฟุอินมีความเป็นกลาง จึงจัดเป็นน้ำพุร้อนทั่วไปค่ะ


เบปปุ ออนเซ็น (Beppu Onsen) – จังหวัดโออิตะ (Oita)

( แผนที่)

เบปปุ ออนเซ็น (Beppu Onsen)

เบปปุ (Beppu) ถือเป็นเมืองหลวงแห่งออนเซ็นของญี่ปุ่น ด้วยจำนวนบ่อน้ำพุร้อนที่มากที่สุด ใครที่มาเบปปุแล้วไม่ได้มาแช่ออนเซ็น ถือว่ามาไม่ถึงเบปปุกันเลยทีเดียวค่ะซึ่ง กิจกรรมขึ้นชื่อของเมืองนี้ก็คือ Jigoku Meguri  หรือ “ทัวร์บ่อนรกทั้งแปด”  โดยแต่ละบ่อจะมีอุณหภูมิและสีของน้ำที่แตกต่างกันไป เช่น สีแดง ส้ม ฟ้า ขาว เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีการอบทรายร้อน ที่จะให้เราลงไปนอนในทรายก่อนจะแช่ออนเซ็น เพื่อช่วยให้ร่างกายมีอุณหภูมิเหมาะสมก่อนลงแช่น้ำร้อน เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ดีของคนที่อยากลดน้ำหนักค่ะ แต่ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคปอด โรคความดันโลหิตสูง และหญิงมีครรภ์ จะไม่สามารถอบทรายร้อนได้เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ค่ะ

วิธีแช่ออนเซ็นที่ถูกต้อง

ได้เห็นความน่าสนใจของออนเซ็นในญี่ปุ่นกันไปถึง 15 แห่งแล้ว หลายคนคงเริ่มวางแผนเที่ยวออนเซ็นเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงรักษาและบำบัดโรคต่าง ๆ ด้วยออนเซ็น ดังนั้นเราจึงแนะนำวิธีการแช่ออนเซ็น และข้อควรระวังดังนี้ค่ะ

  1. ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดในห้องเปลี่ยนเสื้อ หากผมยาวควรมัดผมให้เรียบร้อย และสามารถนำผ้าขนหนูผืนเล็กติดตัวไปได้
  2. ชำระร่างกายตรงบริเวณที่มีฝักบัว โดยการนั่งอาบตรงเก้าอี้ที่จัดไว้ ควรล้างให้สะอาด โดยเฉพาะบริเวณเท้า และควรล้างสบู่ให้หมดจดก่อนลงแช่ออนเซ็น
  3. เตรียมพร้อมร่างกายให้ชินกับอุณหภูมิด้วยการราดด้วยน้ำร้อน โดยเริ่มจากบริเวณเท้าและมือ ตามด้วยขาและแขน ต่อด้วยบริเวณตัว แล้วปิดท้ายด้วยการราดที่ศีรษะ
  4. ควรลงแช่แค่ครึ่งตัวก่อนเพื่อปรับอุณหภูมิ จากนั้นค่อยลงแช่ทั้งตัวจนถึงระดับไหล่
  5. วางผ้าขนหนูเย็นไว้บนศีรษะระหว่างที่แช่เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด และห้ามนำผ้าไปแช่น้ำ รวมถึงห้ามซักผ้าในบ่อออนเซ็น
  6. ระหว่างแช่สามารถแกว่งแขนและขาเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี
  7. ควรแช่ประมาณ 10 – 20 นาทีเพื่อป้องกันอาการหน้ามืด และไม่ควรแช่ออนเซ็นเกิน 3 ครั้งต่อหนึ่งวัน
  8. ควรเช็ดตัวให้แห้งหลังจากแช่ออนเซ็น ก่อนเดินออกจากพื้นที่ไปยังห้องแต่งตัว
  9. หลังแช่ออนเซ็นเสร็จแล้ว ควรดื่มน้ำหรือเกลือแร่เพื่อเติมน้ำในร่างกายเนื่องจากการเสียเหงื่อระหว่างแช่ออนเซ็น

ข้อควรระวังในการแช่ออนเซ็น

  1. บางสถานที่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีรอยสักลงแช่ออนเซ็น จึงควรตรวจสอบให้ดีก่อนใช้บริการ
  2. ห้ามบันทึกภาพในออนเซ็นเว้นแต่จะได้รับอนุญาต
  3. ห้ามแช่ออนเซ็นหลังเพิ่งรับประทานอาหารอิ่ม หรือหลังดื่มแอลกอฮอล์
  4. ห้ามแช่ออนเซ็นหลังออกกำลังกาย เพราะจะทำให้หัวใจทำงานหนัก
  5. ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง  ผู้ป่วยโรคหัวใจ  ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคผิวหนัง ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่มีประจำเดือน และผู้ที่เป็นโรคติดต่อที่อาจติดต่อได้จากสารคัดหลั่งต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ควรลงแช่บ่อออนเซ็น เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
  6. ควรอาบน้ำล้างตัวให้เรียบร้อยก่อนแช่ออนเซ็น
  7. ไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวหรือผ้าขนหนู ชุดว่ายน้ำ รวมทั้งใส่เสื้อลงแช่ออนเซ็น ยกเว้นสถานที่ที่อนุญาต
  8. ไม่นำอาหารหรือเครื่องดื่มไปรับประทานในบ่อออนเซ็น
  9. ไม่ส่งเสียงดัง ว่ายน้ำ เล่นน้ำ จนรบกวนผู้อื่น
  10. ไม่ควรอาบน้ำหลังแช่ออนเซ็น เพราะสมุนไพรและแร่ธาตุในน้ำร้อนจะถูกชะล้างออกไปด้วย หากเป็นผู้มีผิวแพ้ง่าย สามารถล้างตัวได้ด้วยน้ำสะอาด

บทความแนะนำ

บทความที่เกี่ยวข้อง