เมืองเซนได (Sendai) เป็นเมืองหลักของจังหวัดมิยางิ (Miyagi) และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) โดยสามารถนั่งรถไฟชินคันเซ็นมาได้จากเมืองหลวงอย่างโตเกียว (Tokyo) โดยใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง
เมืองเซนไดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งต้นไม้” เนื่องจากเต็มไปด้วยต้นเคะยากิที่เรียงรายตลอดแนวถนนในเมือง นอกจากนี้ก็ยังเป็นเมืองต้นกำเนิดอาหารจาก “ลิ้นวัว (Gyutan)” ซึ่งเป็นที่โด่งดังไปทั่วประเทศญี่ปุ่น
6 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเซนไดรอบ ๆ ที่ห้ามพลาด!
ปราสาทอาโอบะ (Aoba Castle) / ปราสาทเซนได (Sendai)
( แผนที่)
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่เปรียบเสมือนสิ่งที่คอยบอกเล่าเรื่องราวในอดีตที่ผ่านของเมืองเซนไดอย่าง “ปราสาทอาโอบะ (Aoba Castle)” หรือหลายคนเรียกว่า“ปราสาทเซนได (Sendai Castle)” ที่ตั้งอยู่บนภูเขาอาโอบะ (Mount Aoba) เป็นปราสาทเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1600 ตามคำสั่งของท่านเจ้าเมือง ดาเตะ มาซามุเนะ (Date Masamune) เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึกศัตรู เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนที่สูงและมีแม่น้ำไหลผ่าน จึงยากแก่การถูกโจมตีนั่นเองค่ะ
แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อปราสาทแห่งนี้ถูกเผาทำลายลงในปี ค.ศ. 1882 และถูกทำลายด้วยระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี ค.ศ. 1945 ทำให้ปัจจุบันยังคงหลงเหลือให้เห็นเพียงแค่กำแพงหินที่ได้รับการซ่อมแซมขึ้นใหม่ค่ะ และภายในบริเวณปราสาทแห่งนี้จะเห็นว่ามีรูปปั้นคนนั่งบนม้าซึ่งโดดเด่นมองเห็นมาแต่ไกล ๆ นั่นก็คือ ท่านดาเตะ มาซามุเนะนั่นเองค่ะ แต่สิ่งสำคัญที่พลาดไม่ได้เมื่อขึ้นมาเที่ยวที่นี่เลยก็คือการได้เดินชมวิวเมืองเซนไดแบบ 360 องศากันแบบเต็มตา เรียกว่าคุ้มมากทีเดียว
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะเดินทางมาเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศวิวเมืองและเที่ยวชม “ปราสาทอาโอบะ (Aoba Castle)” แห่งนี้ ก็สามารถนั่งรถบัส Loople Sendai Bus จากสถานี Sendai มาลงป้าย Site of Sendai Castle ใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาทีค่ะ
ย่านช้อปปิ้งอิจิบังโช (Ichibancho Shopping Arcade)
( แผนที่)
มาต่อกันที่ถนนละลายทรัพย์ที่ใครหลายคนรอคอยกันสำหรับ “ย่านช้อปปิ้งอิจิบังโช (Ichibancho Shopping Arcade)” ถือเป็นย่านการค้าที่ประกอบไปด้วยถนนหลายสายเชื่อมหากัน โดยมีร้านค้าตั้งอยู่เรียงรายตลอดเส้นทาง และยังรวมไปถึงบรรดาห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ที่มีให้เลือกซื้ออีกมากมาย และแน่นอนว่าย่านนี้ยังอยู่ติดกับ “ย่านโคคุบุงโจ (Kokubuncho)” ซึ่งเป็นย่านบันเทิงยามราตรีขนาดใหญ่ของเมืองเซนไดอีกด้วยค่ะ
จะเห็นได้ว่าถนนช้อปปิ้งอิจิบังโชแห่งนี้มีหลังคาด้านบน ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินช้อปปิ้งกันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องฟ้าฝนกันเลยทีเดียว และที่นี่ยังมีการจัดงานเทศกาลสำคัญ คือ ทานาบาตะ (Tanabata Matsuri) ซี่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7 เดือน 8 เป็นประจำทุกปี จึงทำให้ตามท้องถนนและบริเวณรอบ ๆ มีการตกแต่งไปด้วยโคมไฟกระดาษตระการตา สวยงามมากเลยทีเดียว
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะเดินทางมาเพื่อช้อปปิ้งซื้อสินค้าต่าง ๆ หรืออยากจะมาเดินชิล ๆ เพลินๆ ที่ย่านอิจิบังโชก็สามารถเดินข้ามฝั่งมาจากอาคาร AER Building ที่อยู่ทางด้านเหนือของสถานี Sendai ได้เลยค่ะ
ถนนโจเซนจิ (Jozenji-dori)
( แผนที่)
อีกหนึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ตั้งใจเดินทางมาที่เซนไดก็คือ การแวะมาเดินเล่นที่ “ถนนโจเซนจิ (Jozenji-dori)” ถือว่าเป็นถนนสายหลักที่มีความสำคัญของเมืองเซนได โดยมีความยาว 700 เมตร ตลอดแนวเส้นถนนนั้นก็เต็มไปด้วยต้นเคะยากิหรือมีอีกชื่อว่าต้นเซลโคว่าที่ถูกปลูกเอาไว้จนกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง หรือหลายคนเรียกว่า “เมืองแห่งต้นไม้” นั่นเองค่ะ และในใจกลางถนนก็จะมีผลงานประติมากรรมของ Emilio Greco ซี่งเป็นศิลปินชาวอิตาลีตั้งอยู่ด้วยนะคะ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมาเยือนที่ถนนสายนี้ในช่วงฤดูหนาวตอนเดือนธันวาคมก็จะได้พบกับเทศกาลประดับไฟเซนไดฮิคาริโนะเพเจนท์ (Sendai Pageant of Starlight) หรือถ้ามาเที่ยวในช่วงฤดูร้อนในเดือนกันยายนที่นี่เค้าก็จะมีเทศกาลเพลงแจ๊ส (Jozenji Streetjazz Festival) ให้ได้ชมกันอย่างจุใจ และหลังจากเดินเล่นชิล ๆ กันแล้ว ก็เดินมาช้อปต่อกันที่ “ย่านช้อปปิ้งอิจิบังโจ (Ichibancho Shopping Arcade)” ที่อยู่ติดกับถนนถนนโจเซนจิเส้นนี้ได้เลย
ใครที่อยากจะเดินทางมาเพื่อเดินเล่นชมบรรยากาศของผู้คน เที่ยวเล่นหาของกิน หรือจะมาช้อปปิ้งกันแบบเพลินๆ ทั้งสองข้างทางบนถนนโจเซนจิแห่งนี้ ก็สามารถนั่งรถไฟใต้ดินสาย Namboku Line มาลงที่สถานี Kotodaikoen หรือเลือกโดยสารรถบัส Loople Sendai Bus เพื่อมาลงยังป้าย Jozenji-dori Avenue / Sendai City Hall ค่ะ
สวนฟุนะโอกะ โจชิ (Funaoka Joshi Park)
( แผนที่)
งานนี้ขอบอกเลยว่าถ้าพลาดแล้วพลาดเลยจ้า! และต้องรออีกทีคือข้ามปีกันเลยทีเดียว กับการชมซากุระที่ไม่ธรรมดา ณ “สวนฟุนะโอกะ โจชิ (Funaoka Joshi Park)” ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองเซนได ซึ่งจะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกซากุระในช่วงต้นเดือน – กลางเดือนเมษายนของทุกปี เป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างเดินทางมาเพื่อชื่นชมความสวยงามของสวนแห่งนี้กันอย่างไม่ขาดสาย และที่นี่ยังยกให้เป็นจุดชมซากุระบานที่สวยงามและมีชื่อเสียงติดอันดับ 1 ใน 100 ของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วยนะคะ คนที่มาเที่ยวช่วงหยุดสงกรานต์ แนะนำให้ใส่ไว้ในลิสได้เลย!
อีกหนึ่งกิจกรรมอันน่าสนใจของสวนฟุนะโอกะ โจชิที่พลาดไม่ได้เลยนั่นคือ การได้นั่งรถราง (Slope Car) ไปตามอุโมงค์ดอกซากุระระยะทางประมาณ 300 เมตร เพื่อชื่นชมความสวยงามของหุบเขาสีชมพู ถือเป็นช่วงเวลาที่แสนประทับใจของใครหลายคน ซึ่งด้านบนหุบเขาแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม (Kannonn Square) ขนาดใหญ่ โดยมีความสูงที่ 24 เมตร และจากด้านบนสามารถมองลงไปยังด้านล่างจะมองเห็นวิวสุดแสนโรแมนติกของตัวเมืองและวิวต้นซากุระจำนวนมากที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำชิโรอิชิ (Shiroishi River) ได้อย่างชัดเจนจนมิอาจลืมอย่างแน่นอนค่ะ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะเดินทางมาเพื่อชื่นชมความสวยงามของสวนแห่งนี้ ให้เริ่มต้นจากสถานี Sendai และนั่งรถไฟ JR Tohoku Line เพื่อมาลงที่สถานี Funaoka โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ และใครมีแพลนที่จะเดินทางมาเที่ยวในช่วงงานเทศกาลก็อย่าลืมตรวจสอบวัน เวลา รวมถึงสภาพอากาศให้ดีก่อน จะได้ไม่พลาดจ้า!
หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ (Zao Fox Village)
( แผนที่)
เชิญท่านมาสัมผัสกับความน่ารัก! ถือเป็นสิ่งที่สามารถเรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้อย่างล้นหลามอย่าง “หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ (Zao Fox Village)” เป็นหมู่บ้านที่อยู่ค่อนข้างลึกเข้าไปในป่า ตั้งอยู่ในเมืองชิโรอิชิ (Shiroishi) ของจังหวัดมิยางิ โดยสามารถเดินทางมาได้จากตัวเมืองเซนได
ภายในหมู่บ้านซาโอะแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าสุนัขจิ้งจอกแสนน่ารักที่มีมากกว่า 100 ตัว ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่และเลี้ยงดูในแบบที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ภายในหมู่บ้านแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ โซนที่อยู่ในกรง และโซนที่ปล่อยเลี้ยงตามธรรมชาติ แต่ก่อนที่เราจะได้เข้าไปใกล้ชิดกับน้องจิ้งจอกนั้น ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำกฏระเบียบและข้อห้ามต่าง ๆ ไว้อย่างดีเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปสัมผัสและถ่ายรูปกับเจ้าสุนัขจิ้งจอกเหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิดและปลอดภัยนั่นเองค่ะ
นอกจากจะได้เที่ยวชมความน่ารักแล้ว เรายังสามารถให้อาหารกับสุนัขจิ้งจอกตรงจุดบริการที่ได้เตรียมไว้อีกด้วยนะคะ ว่ากันว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการมาชมเจ้าสุนัขจิ้งจอก คือ ระหว่างเดือนมกราคม – เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวที่ขนของสุนัขจิ้งจอกจะมีความหนาและฟู ทำให้ดูสวยงามมากที่สุด สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะเดินทางมาชมความน่ารักของเจ้าสุนัขจิ้งจอกที่หมู่บ้าน “Zao Fox Village” แห่งนี้สามารถนั่งรถไฟ JR Tohoku Line จากสถานี Sendai มาลงที่สถานี Shiroishi หรือนั่งชินคันเซ็นมาลงที่สถานี Shiroishi-Zao จากนั้นให้นั่งแท็กซี่เข้าไปอีกประมาณ 20 – 25 นาทีค่ะ
เกาะแมวทาชิโระจิมะ (Tashirojima Cat Island)
( แผนที่)
ทาสแมวทั้งหลายเชิญทางนี้เลยจ้า!…ใครที่ชื่นชอบความน่ารักของเจ้าตากลม…ขนฟู…หูกาง อย่างเจ้าแมวเหมียวต้องที่นี่ “เกาะแมวทาชิโระจิมะ (Tashirojima Cat Island)” ถือเป็นเกาะที่มีขนาดเล็กในจังหวัดมิยางิ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่มักมีอาชีพทำประมงกันค่ะ และในอดีตคนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าแมวเป็นสัตว์ที่นำพาโชคลาภมาให้ จึงได้มีการอนุรักษ์และเลี้ยงดูแมวที่อยู่บนเกาะไว้เป็นอย่างดี และที่เรียกกันว่าเกาะแมว ย่อมจะต้องมีแมวอาศัยอยู่อย่างแน่นอน รวม ๆ แล้วทั้งเกาะก็มากกว่า 100 ตัวทีเดียว ซึ่งอาจจะมีมากกว่าคนเสียอีก!
เกาะแมวทาชิโระจิมะถือว่าเป็นเกาะแมวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเลยก็ว่าได้ โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนที่เกาะแห่งนี้ก็จะได้มาสัมผัสและใกล้ชิดกับเจ้าแมวเหมียวแสนน่ารักที่มองไปทางไหนก็จะเห็นเดินกันเต็มไปหมดสมกับชื่อเกาะแมวจริง ๆ ค่ะ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะเดินทางมาเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศและความน่ารักของเจ้าแมวเหมียวบนเกาะแมวแห่งนี้ ให้เริ่มต้นจากสถานี Sendai ให้นั่งรถไฟ JR Senseki Line มาลงที่สถานี Ishinomaki แล้วเดินทางต่อด้วยรถบัสหรือแท็กซี่ เพื่อมายังท่าเรือ Ajishima Line แล้วนั่งเรือเฟอร์รี่ประมาณ 45 – 60 นาที มาที่เกาะ Tashiroshima ค่ะ
ส่งท้าย
เรียกได้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเซนไดและรอบ ๆ นี้ค่อนข้างจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลยทีเดียว แม้ว่าบางแห่งจะอยู่ไกลจากตัวเมืองสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่าแก่การเดินทางมาเยี่ยมชมนะคะ
แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่น
- สถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียว (Tokyo) ที่ต้องมา Check-in!
- สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองซัปโปโร (Sapporo) ที่ต้องมา Check-in!
- สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองโอซาก้า (Osaka) ที่ต้องมา Check-in!
- สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเกียวโต (Kyoto) ที่ต้องมา Check-in!
- สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนาโกย่า (Nagoya) ที่ต้องมา Check-in!
- สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka) ที่ต้องมา Check-in!