Home เที่ยวญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว…ช่วงไหน? แต่งตัวอย่างไร? ไป Check-in ที่ไหนดี?
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว…ช่วงไหน? แต่งตัวอย่างไร? ไป Check-in ที่ไหนดี?

by Japan Check-in!
6422 views

เมืองไทยเป็นเมืองร้อน แถมฤดูหนาวก็ไม่มีหิมะอีกด้วย ทำให้การไปท่องเที่ยวในประเทศที่มีหิมะช่วงฤดูหนาวเป็นสิ่งที่หลายคนชื่นชอบ แน่นอนว่าการเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวต้องติดโผของคนที่อยากไปสัมผัสหิมะและวิวสวยๆ ในต่างแดน แต่ใช่ว่าทุกที่ของญี่ปุ่นจะมีหิมะ ต้องดูด้วยว่าควรไปเที่ยวที่ไหนและช่วงไหน เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูหนาวกันค่ะ รับรองว่าต้องประทับใจทุกที่แน่นอน

ฤดูหนาวในญี่ปุ่น

สภาพอากาศช่วงฤดูหนาวญี่ปุ่น

ฤดูหนาว ในภาษาญี่ปุ่นคือ “冬( Fuyu)” เป็นฤดูกาลที่เริ่มต้นในเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ มีอุณหภูมิเฉลี่ยน้อยกว่า 10 องศาเซลเซียส ทั้งนี้แม้อุณหภูมิจะติดลบก็ตาม แต่ในบางเมืองอาจจะไม่มีหิมะตกก็ได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ นอกจากนี้ในแต่ละภูมิภาคจะมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันไปค่ะ โดยจังหวัดที่หนาวเย็นและมีหิมะตกเยอะคือฝั่งตอนบนของประเทศ ได้แก่ ฮอกไกโด (Hokkaido), อาโอโมริ (Aomori) และนีงาตะ (Niigata)

ส่วนในตัวเมืองจังหวัดโตเกียว (Tokyo), โอซาก้า (Osaka) และเกียวโต (Kyoto) มักจะมีหิมะตกน้อย เฉลี่ย 1-2 วันต่อปี ขณะที่จังหวัดทางตอนใต้สุดของประเทศญี่ปุ่นอย่างโอกินาว่า (Okinawa) นั้นมีอากาศอบอุ่นตลอดปีและไม่มีหิมะตก ใครอยากไปญี่ปุ่นแล้วสัมผัสหิมะตกก็ต้องเลือกสถานที่ให้ดีนะคะ โดยช่วงที่มีหิมะตกคือช่วงมกราคมถึงกุมภาพันธ์ค่ะ

การแต่งตัวในช่วงฤดูหนาว

การแต่งตัวเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาว

เทคนิคการแต่งตัวในฤดูหนาวของญี่ปุ่น เรียกว่า “การแต่งตัวแบบหัวหอม” ค่ะ คือจะใส่เสื้อผ้าด้านในเป็นเสื้อผ้าที่บาง และค่อยๆ หนาขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าภายในอาคารต่างๆ ช่วงฤดูหนาวจะติดฮีตเตอร์ หรือเครื่องทำความร้อนเอาไว้ อากาศจึงไม่หนาวเย็นเท่าภายนอกนั่นเองค่ะ การใส่เสื้อเป็นชั้นๆ จะทำให้ถอดเสื้อชั้นนอกออกได้อย่างสะดวกเพื่อไม่ให้รู้สึกร้อนจนเกินไป โดยเสื้อผ้าที่แนะนำในฤดูหนาวมีดังนี้

• ฮีทเทค (Heattech) หรือ ลองจอน (Long John)
เป็นเสื้อที่ผลิตจากวัสดุพิเศษ เนื้อผ้าบาง แต่สามารถกักเก็บความร้อนจากตัวผู้สวมใส่เอาไว้ได้ เหมาะกับการสวมใส่ชั้นในสุด

เสื้อสเวตเตอร์ (Sweater)
สเวตเตอร์เป็นเสื้อแขนยาวสำหรับกันหนาวโดยเฉพาะ เดิมถักทอมาจากไหมพรม ต่อมาได้พัฒนาให้ทอจากผ้าฝ้าย ผ้าใยสังเคราะห์ และใยผสม

เสื้อกันหนาวขนเป็ด (Down Jacket)
ลักษณะเป็นแจ็คเก็ตที่พองๆ เพราะมีการยัดขนเป็ดเข้าไป ช่วยกันหนาวได้ดี น้ำหนักเบา เหมาะแก่การทำกิจกรรมกลางแจ้งในฤดูหนาว

เสื้อโค้ท (Coat)
มีทั้งแบบโค้ทตัวสั้น และโค้ทยาวระดับเข่า เหมาะใช้กันลมกันฝน โดยควรใส่เสื้อหนาๆ ไว้ข้างในแล้วสวมโค้ททับชั้นนอกสุด

รองเท้า
รองเท้าที่แนะนำสำหรับการเที่ยวช่วงหิมะตก คือรองเท้าที่มีดอกยางไว้ยึดเกาะพื้นผิว และควรเป็นรองเท้าหุ้มข้อเพื่อความปลอดภัยหากเกิดการกระแทกเมื่อลื่นล้มจากอุบัติเหตุ

10 สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวที่ต้องมา Check-in!

1. สวนโอโดริ (Odori Park)

— จังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido)

( แผนที่)

สวนโอโดริ (Odori Park)

สวนโอโดริ (Odori Park) ตั้งอยู่ที่เมืองซัปโปโร (Sapporo) ในจังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido) เป็นสวนสาธารณะที่มีความยาว 1.5 กิโลเมตร กินพื้นที่ 12 ช่วงตึก ทำให้แบ่งเมืองเป็น 2 ฝั่ง เปรียบเสมือนโอเอซิสใจกลางซัปโปโรค่ะ ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะมีความเขียวขจีและดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่ง เหมาะแก่การพักผ่อน แต่ไฮไลต์ของสวนโอโดริอยู่ที่ฤดูหนาวค่ะ เพราะมีการจัดงานเทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) ซึ่งเป็นงานเทศกาลหิมะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นนั่นเอง

งานเทศกาลหิมะซัปโปโรจัดขึ้นช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยจัดครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่สวนโอโดริ ย่านการค้าซูซูกิโนะ (Susukino) และย่านซึโดเมะ (Tsu-Dome) มีงานประติมากรรมจากหิมะและน้ำแข็ง ทั้งแบบปั้น แบบแกะสลัก ให้ชมกว่า 200 ผลงานจากหลากหลายประเทศ ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ ยังมีโซนสกีจำลองที่มีการประกวดโชว์กระโดดสกี ถ้าเดินเล่นจนหิวก็มีโซนร้านอาหารอย่างร้านอาหารทะเลและร้านปิ้งย่างมากมาย ตกกลางคืนก็ห้ามพลาดเพราะจะมีการประดับไฟประติมากรรมต่างๆ ดูสวยงามมาก หรือจะขึ้นไปชมวิวที่ทีวีทาวเวอร์ซัปโปโร (Sapporo TV Tower) ซึ่งสูง 150 เมตร สามารถมองเห็นเมืองโดยรอบแบบ 360 องศาเลยทีเดียวค่ะ


2. ภูเขาซะโอ (Mount Zao)

— จังหวัดยามากาตะ (Yamagata)

( แผนที่)

กระเช้าลอยฟ้าซาโอะ (Zao Ropeway)

ใครที่อยากชมสถานที่ทางธรรมชาติที่ดูแฟนตาซี เหนือจินตนาการ ต้องมาที่ภูเขาซะโอ (Mount Zao) ที่จังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ในฤดูหนาวเลยค่ะ เพราะสภาพภูมิอากาศที่ไม่เหมือนที่อื่นในฤดูหนาว ทำให้เกิดปรากฏการณ์ต้นไม้นับหมื่นต้นที่ภูเขาซะโอถูกปกคลุมด้วยหิมะ และต้นไม้แต่ละต้นที่ถูกปกคลุมจะดูมีรูปร่างหน้าตาคล้ายปีศาจ จนได้รับการขนานนามว่าปีศาจหิมะ (Snow Monster)

ด้วยความแปลกตาและอลังการงานสร้างขนาดนี้ ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวสนใจมากค่ะ และการเที่ยวชมก็สะดวกสบายเพราะสามารถขึ้นกระเช้าลอยฟ้าซาโอะ (Zao Ropeway) ทำให้มองเห็นฝูงปีศาจหิมะจากมุมสูง ถ้าเป็นตอนกลางคืนก็จะมีการจัดแสดงแสงไฟทำให้ได้เห็นปีศาจหิมะท่ามกลางแสงสีอันหลากหลาย ดูน่าตื่นเต้นมากเลยค่ะ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเส้นทางสกีให้ได้เล่นสกีกันอย่างสนุกสนานด้วยนะคะ


3. กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen)

— จังหวัดยามากะตะ (Yamagata)

( แผนที่)

กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen)

ถ้าอยากมาแช่ออนเซ็นให้ได้บรรยากาศ ก็ต้องมาถึงถิ่นต้นกำเนิดอย่างญี่ปุ่น แต่จะดีกว่าไหมคะถ้าได้ไปแช่ออนเซ็นที่หมู่บ้านโบราณอย่าง กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen) ที่จังหวัดยามากะตะ (Yamagata) ซึ่งเป็นอดีตหมู่บ้านเหมืองแร่ แต่ยังคงอนุรักษ์บ้านแบบโบราณอายุกว่า 100 ปีเอาไว้มาจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งมีเรียวกังมากมายเปิดให้บริการและรองรับนักท่องเที่ยว การมาเที่ยวที่ออนเซ็นแห่งนี้ในฤดูหนาว จึงได้เห็นทั้งทัศนียภาพงดงาม อาคารบ้านเรือนปกคลุมด้วยหิมะสีขาว พร้อมทั้งแช่ออนเซ็นเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง

นอกจากออนเซ็นแล้ว ยังมีร้านอาหารอร่อยๆ มากมาย แต่จะเปิดเป็นช่วงเวลา คือช่วง 11.00 – 14.00 น. และช่วง 17.00 – 22.00 น. โดยอาหารขึ้นชื่อของกินซัน ออนเซ็น ก็คือโมจิไส้งาดำ โดยสามารถเข้าไปนั่งรับประทานภายในร้านพร้อมกับจิบน้ำชาร้อนๆ ได้ จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายท่ามกลางอากาศหนาวๆ ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ


4. หมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku)

— จังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima)

( แผนที่)

หมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku)

หมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku) ที่จังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) เป็นหมู่บ้านอีกแห่งที่คงความเก่าแก่ดั้งเดิมเอาไว้ค่ะ  โดยเป็นหมู่บ้านโบราณตั้งแต่สมัยเอโดะ ในอดีตมีความสำคัญสำหรับใช้เป็นหมู่บ้านพักแรมสำหรับนักเดินทาง ทั้งโชกุน ขุนนาง และพ่อค้าค่ะ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแคว้นไอซึ (Aizu) ที่ปัจจุบันคือพื้นที่บริเวณจังหวัดฟุคุชิมะและจังหวัดนีงาตะ (Niigata) และแคว้นชิโมซึเกะโนะกุนิ (Shimotsuke no Kuni) ที่ปัจจุบันคือพื้นที่บริเวณจังหวัดโทชิงิ (Tochigi)

หมู่บ้านโออุจิ จูคุ มีความยาวประมาณ 500 เมตร ตัวบ้านเรือนแต่ละหลังมุงหลังคาด้วยหญ้าหนา เมื่อมีหิมะตกปกคลุมจึงเหมือนกระท่อมเล็กๆ ในนิทาน หลายหลังยังมีการประยุกต์ให้เป็นร้านขายของฝากและร้านขายของที่ระลึกด้วย แถมในบางบ้านจะมีการสร้างอิกลูหรือบ้านหิมะเอาไว้หน้าบ้านให้เราเข้าไปถ่ายรูปน่ารักๆ ด้านในได้ด้วยค่ะ และไฮไลต์ของที่นี่คือการจัดแสดงแสงไฟ รับรองว่าจะเป็นหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณอีกแห่งที่สร้างความประทับใจแน่นอนค่ะ


5. คุซัทสึ ออนเซ็น (Kusatsu Onsen)

— จังหวัดกุนมะ (Gunma)

( แผนที่)

คุซัทสึ ออนเซ็น (Kusatsu Onsen)

คุซัทสึ ออนเซ็น (Kusatsu Onsen) จังหวัดกุนมะ (Gunma) คือ 1 ใน 3 สุดยอดเมืองออนเซ็นของประเทศญี่ปุ่น มีวิวทิวทัศน์เป็นหุบเขา มีทั้งร้านรวง เรียวกัง และโรงแรมต่างๆ มากมาย แถมยังเดินทางไปได้สะดวกเพราะห่างจากกรุงโตเกียวแค่ประมาณร้อยกว่ากิโลเมตร จะเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับใน 1 วัน หรือจะค้างแรมที่เรียวกังเพื่อให้ได้บรรยากาศของการไปเที่ยวออนเซ็นก็ได้เลยค่ะ ที่นี่มีออนเซ็นให้เลือกหลายแบบ ทั้งออนเซ็นแบบแช่ตัว แช่รายชั่วโมง และมีออนเซ็นแช่บ่อเท้าฟรีด้วยนะคะ

ในส่วนของน้ำแร่ในบ่อออนเซ็น มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค จึงมีส่วนช่วยในด้านสุขภาพและทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง อ่อนเยาว์ ทั้งยังช่วยในระบบเผาผลาญด้วยนะคะ และจุดโดดเด่นของน้ำแร่ที่นี่คือมีปริมาณที่เกิดขึ้นต่อวันถึงสามหมื่นกว่าลิตร คุซัทสึ ออนเซ็น จึงจัดได้ว่ามีปริมาณน้ำแร่มากที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียวค่ะ


6. สวนลิงจิโกคุดานิ (Jigokudani Monkey Park)

— จังหวัดนากาโน่ (Nagono)

( แผนที่)

สวนลิงจิโกคุดานิ (Jigokudani Monkey Park)

พูดถึงออนเซ็น เราคงเคยเห็นภาพลิงป่าญี่ปุ่นแช่น้ำร้อนกันมาบ้าง ดูน่ารักน่าชังไม่น้อยเลยนะคะ ซึ่งถ้าใครอยากไปดูของจริงต้องไปที่สวนลิงจิโกคุดานิ (Jigokudani Monkey Park) ในจังหวัดนากาโน่ (Nagano) ที่นี่เราจะได้เห็นลิงป่าญี่ปุ่นเป็นฝูง ทั้งตัวน้อยใหญ่มาแช่ออนเซ็นคลายหนาวอย่างสบายอารมณ์ท่ามกลางวิวของทิวเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน เพราะสวนแห่งนี้สร้างบ่อน้ำร้อนไว้ให้สำหรับเจ้าพวกลิงโดยเฉพาะเลยค่ะ

การมาเที่ยวที่สวนลิงจิโกคุดานิต้องเดินขึ้นมาตามเส้นทางบนเขาประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งอยู่ในละแวกที่ไม่ไกลจาก ชิบุออนเซ็น (Shibu Onsen) เมืองแห่งออนเซ็นอีกแห่งของญี่ปุ่น ทำให้เมื่อชมภาพลิงแช่น้ำร้อนเสร็จ เราก็แวะไปแช่น้ำร้อนบ้างได้เลยค่ะ เมื่อมาถึงสวนก็เดินเข้ามาด้านในเพียงประมาณ 5 นาที ก็จะพบลิงน้อยใหญ่แช่น้ำร้อนสบายใจ แต่ต้องระวังอย่าเข้าไปแตะต้องหรือให้อาหารเด็ดขาดเลยนะคะ เพราะอาจเกิดอันตรายได้


7. กาล่า ยูซาว่า (Gala Yuzawa)

— จังหวัดนีกาตะ (Niigata)

( แผนที่)

กาล่า ยูซาว่า (Gala Yuzawa)

ถึงแม้โตเกียวอาจไม่ใช่จุดหมายของนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสหิมะในฤดูหนาว แต่ขอบอกว่าสถานที่ท่องเที่ยวรอบโตเกียวแบบไปเช้าเย็นกลับ ก็มีสถานที่ซึ่งมีหิมะให้เล่นสกีได้นะคะ โดยเราขอแนะนำลานสกีกาล่า ยูซาว่า (Gala Yuzawa) ที่จังหวัดนีกาตะ (Niigata) เพราะนั่งรถไฟชินคันเซ็นจากสถานี Tokyo ลงที่สถานี Gala Yuzawa แค่ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้วค่ะ

ที่กาล่า ยูซาว่า เป็นลานสกีที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างดี เพราะมีคอร์สสอนเล่นสกีสำหรับชาวต่างชาติเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และมีภาษาไทยด้วยนะคะ ใครไม่เคยลองเล่นสกี การมาเล่นสกีที่นี่เป็นครั้งแรกจึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากทีเดียว และถ้าเล่นจนเหนื่อย ที่กาล่า ยูซาว่าก็มีออนเซ็นให้ไปแช่น้ำผ่อนคลายความเหนื่อย และได้ทำให้ร่างกายอบอุ่นท่ามกลางวิวธรรมชาติอันงดงามด้วยค่ะ


8. หมู่บ้านชิราคาวะโก (Shirakawago)

— จังหวัดกิฟุ (Gifu)

( แผนที่)

หมู่บ้านชิราคาวะโก (Shirakawago)

สำหรับคนที่ฝันว่าจะได้ไปชมหมู่บ้านที่มีความสวยงามเหมือนในนิทาน ต้องไม่พลาดมาเที่ยวที่หมู่บ้านชิราคาวะโก  (Shirakawago) ในจังหวัดกิฟุ (Gifu) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาว เพราะหลังคาบ้านเรือนเป็นแบบกัสโชซึคุริ (Gassho-Zukuri) ที่มีลักษณะเป็นหลังคาทรงสูง ส่วนตัวบ้านก็เป็นบ้านไม้เก่าแก่ เมื่อหิมะปกคลุมหลังคาจึงดูเป็นกระท่อมเล็กๆ ดูน่ารัก ยิ่งตอนกลางคืนที่มีแสงไฟประดับประดาก็ยิ่งดูอบอุ่นเข้าไปใหญ่ค่ะ

หมู่บ้านชิราคาวะโกมีการจัดเทศกาลงานไฟชิราคาวะโก (Shirakawa-go Winter Light-up) ทุกปีในฤดูหนาว ช่วงที่จัดคือช่วงประมาณเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ เนื่องจากมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงวันงาน จึงต้องจองคิวล่วงหน้านะคะ ยิ่งเป็นบัตรสำหรับขึ้นไปชมวิวหมู่บ้านด้านบนในช่วงประดับไฟยิ่งต้องจองล่วงหน้าหลายเดือน แต่รับรองได้เลยว่าจะพบกับความประทับใจไม่รู้ลืมเพราะได้เห็นหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านที่ประดับประดาไฟสวยงามจากมุมสูงค่ะ


9. ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine)

— จังหวัดเกียวโต (Kyoto)

( แผนที่)

ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine)

ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine) หรือศาลเจ้าแห่งสายน้ำ ตั้งอยู่ที่จังหวัดเกียวโต (Kyoto) เป็นศาลเจ้าที่มีจุดโดดเด่นคือทางขึ้นบันไดที่มีเสาโทริอิสีแดงตั้งตระหง่านเรียงไปตลอดทาง ทำให้เมื่อถึงฤดูหนาวแล้วมีหิมะปกคลุมสภาพแวดล้อมจนเป็นสีขาว เสาโทริอิสีแดงจึงโดดเด่นงดงามมาก ยิ่งเมื่อตกกลางคืน โคมไฟที่ประดับประดาไว้ตามสองข้างทางของบันไดก็จะส่องแสงสว่างไสวสวยงาม เป็นภาพที่ประทับใจไม่รู้ลืม แต่ว่าภาพอย่างนี้จะเห็นได้เฉพาะวันที่มีหิมะเท่านั้นนะคะ

สิ่งที่น่าสนใจของศาลเจ้าคิฟุเนะไม่ได้มีเพียงเท่านั้น แต่ยังมีจุดต่างๆ ให้ขอพรมากมาย รวมทั้งเซียมซีที่ไม่เหมือนที่ไหน เพราะโดยปกติแล้วการเสี่ยงเซียมซีเพียงหยิบคำทำนายตามเลขที่เสี่ยงได้ใช่ไหมคะ แต่ที่นี่เขาให้นำใบเซียมซีไปลอยน้ำ คำทำนายถึงจะปรากฎขึ้นมาค่ะ


10. ยุฟุอิน (Yufuin)

— จังหวัดโออิตะ (Oita)

( แผนที่)

ยุฟุอิน (Yufuin)

ยุฟุอิน (Yufuin) เมืองออนเซ็นกลางหุบเขาแห่งจังหวัดโออิตะ (Oita) เมื่อเดินทางมาถึงก็จะพบถนนคนเดินยุฟุอิน (Yufuin Main Road) ที่ยาวทอดตรงไปตลอด โดยสองข้างทางเป็นอาคารบ้านเรือน วิวทิวทัศน์ข้างหน้าเป็นหุบเขา ยิ่งมาในฤดูหนาวก็จะได้เห็นทิวเขาและบ้านเรือนปกคลุมด้วยหิมะ ดูสวยงามน่าประทับใจแต่แรกเห็นเลยค่ะ ซึ่งระหว่างทางก็มีร้านรวงมากมาย ทั้งร้านขนมอร่อยขึ้นชื่ออย่าง B-SPEAK ที่มีซิกเนเจอร์คือ โรลเค้ก และยังมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ

จุดเด่นของยุฟุอินนอกจากออนเซ็นแล้วยังมีหมู่บ้านยุฟุอินฟลอรัล (Yufuin Floral Village) หมู่บ้านดอกไม้ที่เป็นเมืองจำลองน่ารักๆ สไตล์อังกฤษ และที่สุดทางของเมืองยุฟุอินก็จะได้พบกับทะเลสาบคิริน (Kirin Lake) ที่เป็นทะเลสาบผืนใหญ่ หากมาในช่วงฤดูหนาวจะได้เห็นฉากหลังเป็นภูเขาสีขาวงดงาม ทั้งยังมีควันพวยพุ่งออกมาจากทะเลสาบเพราะด้านใต้มีน้ำพุร้อนอยู่สองแห่ง เรียกได้ว่าตระการตาตั้งแต่ต้นจนจบทีเดียวค่ะ

ส่งท้าย

แนะนำครบทั้ง 10 สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวไปแล้ว เชื่อเลยว่าหลายๆ คนคงได้ลิสต์สถานที่ที่อยากไปเป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ตามควรเช็คสภาพอากาศก่อนไปว่าจะมีหิมะตกหนักหรือเปล่า เพราะไม่อย่างนั้นการเดินทางอาจมีอุปสรรค ท่องเที่ยวไม่สนุก แต่ถ้าเช็คแล้วเที่ยวได้ฉลุย ก็อย่าลืมเลือกเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้พร้อมรับลมหนาวหรืออุณหภูมิที่อาจต่ำจนถึงติดลบด้วยนะคะ

บทความที่เกี่ยวข้อง